แสนสิริ ชงบลจ.ไอเอ็นจี ต่ออายุกองทุนอสังหาฯบ้านเช่า อีก 3 ปี หลังจ่อครบสัญญา ก.ย. ปีนี้ ด้านเอ็มเอฟซีแจงผลงาน 2 กองทุนในโครงการนิชดาธานี "MNRF" กำไร ขณะที่ "MNIT" ขาดทุนราคาประเมินสินทรัพย์ที่ยังไม่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด (SIRIPF) ในฐานะบริษัทจัดการของ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ เตรียมต่ออายุกองทุนออกไปอีก 3 ปี หลังจะครบสัญญาการลงทุน 5 ปี ในวันที่ 11 กันยายน 2553 โดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เจ้าของทรัพย์สินในโครงการบ้านแสนสิริ-สุขุมวิท 67 จำนวน 25 หลัง มีความประสงค์จะขอต่ออายุการเช่าทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมดต่อไปอีก 3 ปี นับจากวันที่ 12 กันยายน 2553 ถึง วันที่ 11 กันยายน 2556 ในอัตราค่าเช่า 6% ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินที่เหลือของกองทุนรวม โดยแสนสิริจะ ไม่มีเงื่อนไขรับซื้อคืนทรัพย์สินดังกล่าวอีกต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทจัดการจึงเห็นควรให้มีการขายทรัพย์สินโดยการประกาศ ขายทรัพย์สินเป็นการทั่วไป เพื่อนำผลการประกาศขายทรัพย์สินดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาของผู้ถือหน่วยลง ทุน ว่าควรใช้สิทธิเรียกให้แสนสิริรับซื้อทรัพย์สินคืน (Put Option) หรือไม่ หรือพิจารณาว่าควรให้มีการต่ออายุการเช่าที่ แสนสิริเสนอหรือไม่ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่สำคัญ บริษัทจัดการจึงเห็นสมควรให้จัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน ครั้งที่ 1/2553 ในวันที่ 3 มีนาคม 2553 เวลา 10.00 น. ณ.ห้อง รอยัล มณียา เอ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
นายสมพร บุรินทราธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหาร 2 กอง โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มัลติเนชั่นแนลเรสซิเดนซ์ฟันด์ (MNRF) กองทุนมีรายได้สำหรับปี 2552 ทั้งสิ้น 96.19 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจำนวน 9.33 ล้านบาท ประกอบกับกองทุนได้รับรู้กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ในระหว่างปีจำนวน 118.46 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานทั้งสิ้น 205.33 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 293.24 จากงวดเดียวกันปี 2551 ซึ่งในปีดังกล่าว เป็นผลการดำเนินงานสำหรับระยะเวลาประมาณ 7.5 เดือน ตั้งแต่ 12 พฤษภาคม 2551 (วันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน) ถึง 31 ธันวาคม 2551 โดยกองทุนมีรายได้ 57.93 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 5.72 ล้านบาท รวมเป็นการเพิ่มขึ้นใน สินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 52.21 ล้านบาท
ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) กองทุนมีรายได้ในปี 2552 ทั้งสิ้นจำนวน 108.35 ล้านบาท และในปี 2551 จำนวน 107.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.78 โดยกองทุนมีค่าใช้จ่ายในปี 2552 จำนวน 11.53 ล้านบาท และในปี 2551 จำนวน 11.26 ล้าน บาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.38 ทั้งนี้ ในปี 2552 กองทุนมีขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ 62.00 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2551 กองทุนมีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินราคา อสังหาริมทรัพย์ 21.00 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อรวมผลการดำเนินงานในปี 2552 กองทุนมีการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 34.82 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2551 จำนวน 117.24 ล้านบาท คิดเป็น อัตราการเปลี่ยนแปลงลดลงร้อยละ 70.30
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด (SIRIPF) ในฐานะบริษัทจัดการของ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ เตรียมต่ออายุกองทุนออกไปอีก 3 ปี หลังจะครบสัญญาการลงทุน 5 ปี ในวันที่ 11 กันยายน 2553 โดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เจ้าของทรัพย์สินในโครงการบ้านแสนสิริ-สุขุมวิท 67 จำนวน 25 หลัง มีความประสงค์จะขอต่ออายุการเช่าทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมดต่อไปอีก 3 ปี นับจากวันที่ 12 กันยายน 2553 ถึง วันที่ 11 กันยายน 2556 ในอัตราค่าเช่า 6% ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินที่เหลือของกองทุนรวม โดยแสนสิริจะ ไม่มีเงื่อนไขรับซื้อคืนทรัพย์สินดังกล่าวอีกต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทจัดการจึงเห็นควรให้มีการขายทรัพย์สินโดยการประกาศ ขายทรัพย์สินเป็นการทั่วไป เพื่อนำผลการประกาศขายทรัพย์สินดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาของผู้ถือหน่วยลง ทุน ว่าควรใช้สิทธิเรียกให้แสนสิริรับซื้อทรัพย์สินคืน (Put Option) หรือไม่ หรือพิจารณาว่าควรให้มีการต่ออายุการเช่าที่ แสนสิริเสนอหรือไม่ เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่สำคัญ บริษัทจัดการจึงเห็นสมควรให้จัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน ครั้งที่ 1/2553 ในวันที่ 3 มีนาคม 2553 เวลา 10.00 น. ณ.ห้อง รอยัล มณียา เอ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
นายสมพร บุรินทราธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหาร 2 กอง โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มัลติเนชั่นแนลเรสซิเดนซ์ฟันด์ (MNRF) กองทุนมีรายได้สำหรับปี 2552 ทั้งสิ้น 96.19 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจำนวน 9.33 ล้านบาท ประกอบกับกองทุนได้รับรู้กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ในระหว่างปีจำนวน 118.46 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการ ดำเนินงานทั้งสิ้น 205.33 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 293.24 จากงวดเดียวกันปี 2551 ซึ่งในปีดังกล่าว เป็นผลการดำเนินงานสำหรับระยะเวลาประมาณ 7.5 เดือน ตั้งแต่ 12 พฤษภาคม 2551 (วันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน) ถึง 31 ธันวาคม 2551 โดยกองทุนมีรายได้ 57.93 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 5.72 ล้านบาท รวมเป็นการเพิ่มขึ้นใน สินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 52.21 ล้านบาท
ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี (MNIT) กองทุนมีรายได้ในปี 2552 ทั้งสิ้นจำนวน 108.35 ล้านบาท และในปี 2551 จำนวน 107.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.78 โดยกองทุนมีค่าใช้จ่ายในปี 2552 จำนวน 11.53 ล้านบาท และในปี 2551 จำนวน 11.26 ล้าน บาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.38 ทั้งนี้ ในปี 2552 กองทุนมีขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ 62.00 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2551 กองทุนมีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการประเมินราคา อสังหาริมทรัพย์ 21.00 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อรวมผลการดำเนินงานในปี 2552 กองทุนมีการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน 34.82 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2551 จำนวน 117.24 ล้านบาท คิดเป็น อัตราการเปลี่ยนแปลงลดลงร้อยละ 70.30