สำรวจกองทุนรวมต้นปีเสือ บอนด์กิมจิครบอายุ ฉุดเอ็นเอวีวูบแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท บลจ.เครือแบงก์ใหญ่อ่วม เร่งส่งกองใหม่ รองรับเงิน รอจังหวะดอกเบี้ยขาขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในกองทุนรวมในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นการแข่งขันในแง่ของการออกกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยกองทุนที่เห็นได้ชัดเจนคือ กองทุนที่ออกไปลงทุนในตลาดหุ้นจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการคาดหมายว่าจะมีกระแสเงินลงทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากนั้น ก็มีกองทุนตราสารหนี้ที่ออกไปลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับเงินลงทุนในกองทุนเกาหลีใต้ที่ออกไปลงทุนก่อนหน้านี้ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 400,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ความต้องการลงทุนในกองทุนบอนด์เกาหลีใต้เองเริ่มลดลงพอสมควร เนื่องจากที่ผ่านมา ผลตอบแทนปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (สวอป) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนไม่จูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนในประเทศ และจากปัจจัยดังกล่าว
ส่งผลให้กองทุนที่จะมารองรับเงินลงทุนในกองเกาหลีที่กำลังทยอยครบอายุเป็นจำนวนมากมีน้อยลง ดังนั้น สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) จึงเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากการรายงานตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนรวม ณ วันที่ 22 มกราคม 2553 ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) พบว่า เงินลงทุนในกองทุนรวมทั้งระบบลดลงกว่า 26.088.05 ล้านบาทมาอยู่ที่ 1,819,568.43 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,845,656.48 ล้านบาทในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการสำรวจสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของแต่ละบลจ. พบว่า ส่วนใหญ่ต่างลดลงกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะบลจ.ขนาดใหญ่ ที่เคยระดมทุนจากบอนด์เกาหลีได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น บลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งมีเงินลงทุนลดลงจากปลายปีที่ผ่านมาถึง 5,789.03 ล้านบาท ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง บลจ.กสิกรไทย ก็ลดลงถึง 3,564 ล้านบาท ด้านบลจ.บัวหลวงเอง ก็ปรับลดลงประมาณ 3,061.75 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มสินทรัพย์ลดลงดังกล่าว ทำให้บลจ. ทยอยส่งกองทุนใหม่มารองรับเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนบอนด์เกาหลีใต้ ยังเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เช่นเดิม
โดยบลจ.กสิกรไทย ได้เสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลี 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี บีเอฟ (KKG1YBF) ขนาดกองทุนกองทุน 2,000 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 1.75% ต่อปี กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 3 เดือน เอช (KKG3MH) ขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน ประมาณการอัตราผลตอบแทน 1.25% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน ยังคงเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน สำหรับผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน อี (KFI6ME) เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการทางเลือกลงทุนกับตราสารในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำแสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน และคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการฝากเงิน
โดยกองทุนดังกล่าว เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารเกียรตินาคิน ประมาณการผลตอบแทน หลังหักค่าใช้จ่ายกองทุน ที่ 1.00% โดยทั้ง 3 กองทุนจะเสนอขายระหว่างวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์นี้
ด้านรายงานข่าวจาก บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 32 (T-FixFIF32) อายุโครงการประมาณ 11 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายเพียงครั้งเดียว (IPO) ระหว่างวันที่ 2 - 8 ก.พ. 53 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
โดยกองทุน T-FixFIF32 เป็นกองทุนที่มีเป้าหมายที่จะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ เช่น พันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ที่กองทุนลงทุน