บลจ. อวดผลงาน 2 กองทุนอีทีเอฟ "TDEX" โชว์ผลงานเข้าตา ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนฟัน 72.55% อานิสงส์หุ้นพุ่ง ส่วนน้องใหม่อย่าง "TFTSE" ไม่น้อยหน้า ซื้อช่วงไอพีโอ กำไรแล้ว 14.78%
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF ออกมาค่อนข้างดี โดยนักลงทุนที่ลงทุนใน TDEX ได้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถ้านับย้อนหลัง 6 เดือน และ 1 ปี ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66.11% และ 14.22% ในขณะที่ TDEX นั้น สามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงถึง 72.55% และ 19.55%
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ FTSE SET LARGE CAP ETF หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) กองทุนอีทีเอฟอีก 1 กองทุน ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน เท่ากับ 10.89% ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 1 เดือน อยู่ที่ 10.71% ทั้งนี้ ถ้านักลงทุนที่จองซื้อตั้งแต่ช่วง IPO จะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 14.78%
นายมนรัฐ กล่าวว่า TDEX และ TFTSE นั้นมีข้อดีคือนักลงทุนที่ลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE จะเหมือนกับลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและมีสภาพคล่องสูงถึง 50 ตัวและ 30 ตัว ตามลำดับ โดยการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นถือว่าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถสร้างความสะดวกสบายให้แก่นักลงทุนและยังประหยัดต้นทุนในการซื้อขายอีกด้วย เพราะว่าการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นเสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในอัตราขั้นต่ำเพียง 0.1% เท่านั้น
ทั้งนี้ นอกจากเรื่องของผลตอบแทนที่ดีของนักลงทุนแล้ว ความเข้าใจในเรื่องของจังหวะการลงทุนก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น TFTSE นั้น จะเน้นหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดโดยมีสัดส่วนของธนาคารอยู่ประมาณ 34% และกลุ่ม Oil & Gas อยู่ประมาณ 25% ดังนั้น ถ้าจังหวะของกลุ่มธนาคารพานิชย์กำลังจะมา นักลงทุนควรเลือก TFTSE แต่ถ้าจังหวะของกลุ่มน้ำมันกำลังจะมา TDEX จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน เนื่องจาก TDEX มีสัดส่วนของกลุ่มพลังงานอยู่ประมาณ 43% ดังนั้น นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามจังหวะของตลาดได้
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF ออกมาค่อนข้างดี โดยนักลงทุนที่ลงทุนใน TDEX ได้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถ้านับย้อนหลัง 6 เดือน และ 1 ปี ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66.11% และ 14.22% ในขณะที่ TDEX นั้น สามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงถึง 72.55% และ 19.55%
ขณะเดียวกัน กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ FTSE SET LARGE CAP ETF หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) กองทุนอีทีเอฟอีก 1 กองทุน ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน เท่ากับ 10.89% ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 1 เดือน อยู่ที่ 10.71% ทั้งนี้ ถ้านักลงทุนที่จองซื้อตั้งแต่ช่วง IPO จะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 14.78%
นายมนรัฐ กล่าวว่า TDEX และ TFTSE นั้นมีข้อดีคือนักลงทุนที่ลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE จะเหมือนกับลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพและมีสภาพคล่องสูงถึง 50 ตัวและ 30 ตัว ตามลำดับ โดยการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นถือว่าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถสร้างความสะดวกสบายให้แก่นักลงทุนและยังประหยัดต้นทุนในการซื้อขายอีกด้วย เพราะว่าการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นเสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายในอัตราขั้นต่ำเพียง 0.1% เท่านั้น
ทั้งนี้ นอกจากเรื่องของผลตอบแทนที่ดีของนักลงทุนแล้ว ความเข้าใจในเรื่องของจังหวะการลงทุนก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น TFTSE นั้น จะเน้นหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดโดยมีสัดส่วนของธนาคารอยู่ประมาณ 34% และกลุ่ม Oil & Gas อยู่ประมาณ 25% ดังนั้น ถ้าจังหวะของกลุ่มธนาคารพานิชย์กำลังจะมา นักลงทุนควรเลือก TFTSE แต่ถ้าจังหวะของกลุ่มน้ำมันกำลังจะมา TDEX จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน เนื่องจาก TDEX มีสัดส่วนของกลุ่มพลังงานอยู่ประมาณ 43% ดังนั้น นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามจังหวะของตลาดได้
