บลจ.ซีมิโก้ ยังขยายตลาดต่อเนื่อง ล่าสุด เข็นกองหุ้น "ซีมิโก้สมอลแค็พ " ลุยหุ้นขนาดเล็ก ล็อกอายุหาผลตอบแทน 2 ปี เริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ - 29 กันยายน นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้สมอลแค็พ หรือ Seamico Small Cap Fund (S-SCF) โดยกองทุนมีอายุของโครงการประมาณ 24 เดือน ซึ่งกองทุนได้ทำการเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 29 กันยายน 2552 โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนแล้วเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าตราสารหนี้ โดยเข้าใจความผันผวนของตลาดในระยะสั้นและสามารถยอมรับความเสี่ยงสูงของการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารทุนได้
โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในระยะปานกลางและระยะยาวในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ระดับราคาที่เหมาะสม โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กที่อยู่ในดัชนี FTSE SET สมอลแค็พ หรือ Fledgling เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารการเงินอื่น ๆ ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ทั้งนี้ อัตราส่วนการลงทุนที่กำหนดจะกระทำภายใต้สภาวการณ์ที่ปกติ ซึ่งอาจมีบางขณะที่ไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้อันเนื่องมาจากการเกิดสภาวการณ์ที่ไม่ปกติหรือมีความจำเป็น เช่น มีการเปลี่ยนแปลทางเศรษฐกิจหรือการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น โดยบริษัทจัดการจะรายงานตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการ
นอกจากนี้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อการลดความเสี่ยง ทั้งนี้กองทุนอาจมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ หรือตราสารทุนของบริษัทที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
รายงานระบุว่า หลักทรัพย์ที่กองทุนคาดว่าจะเข้าไปลงทุน แบ่งออกเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ในบริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด มหาชน และบริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) , กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ได้แก่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด )มหาชน และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ได้แก่ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) สุดท้ายกลุ่มบรรจุภัณฑ์ บริษัท เอส แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน)
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้สมอลแค็พ หรือ Seamico Small Cap Fund (S-SCF) โดยกองทุนมีอายุของโครงการประมาณ 24 เดือน ซึ่งกองทุนได้ทำการเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 29 กันยายน 2552 โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนแล้วเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าตราสารหนี้ โดยเข้าใจความผันผวนของตลาดในระยะสั้นและสามารถยอมรับความเสี่ยงสูงของการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารทุนได้
โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในระยะปานกลางและระยะยาวในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ระดับราคาที่เหมาะสม โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กที่อยู่ในดัชนี FTSE SET สมอลแค็พ หรือ Fledgling เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารการเงินอื่น ๆ ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ทั้งนี้ อัตราส่วนการลงทุนที่กำหนดจะกระทำภายใต้สภาวการณ์ที่ปกติ ซึ่งอาจมีบางขณะที่ไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้อันเนื่องมาจากการเกิดสภาวการณ์ที่ไม่ปกติหรือมีความจำเป็น เช่น มีการเปลี่ยนแปลทางเศรษฐกิจหรือการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น โดยบริษัทจัดการจะรายงานตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ในโครงการ
นอกจากนี้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อการลดความเสี่ยง ทั้งนี้กองทุนอาจมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ หรือตราสารทุนของบริษัทที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
รายงานระบุว่า หลักทรัพย์ที่กองทุนคาดว่าจะเข้าไปลงทุน แบ่งออกเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ในบริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด มหาชน และบริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) , กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ได้แก่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด )มหาชน และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ได้แก่ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) สุดท้ายกลุ่มบรรจุภัณฑ์ บริษัท เอส แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน)