บลจ.ทิสโก้ฟิตจัดเดินหน้าเปิดขายกองทุนใหม่รวดเดียว 4 กอง เน้นกระจายการลงทุนหลายรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจเป็นจังหวะดีของนักลงทุน หลังเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะทำการเสนอขายกองทุนเปิดทิสโก้ สเปเชี่ยลพลัส 13 อายุ 2 ปี มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 21-30 กันยายนนี้ โดยกองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนภายในประเทศที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ ระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี แต่จะมีการเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุนด้วยการจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ (Auto Redemption) ทุกๆ 6 เดือน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเปิดขายกองทุนใหม่ 3 กองทุนตั้งแต่วันนี้ถึง 24 กันยายนนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐสกุลเงินออสเตรเลีย กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 4 และกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศที่ออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งทำให้เชื่อว่าขณะนี้น่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการนำเสนอกองทุนใหม่พร้อมกันถึง 3 กองทุน โดยมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันเพื่อเป็นการเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลีนั้น จะเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐ่บาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก และจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ส่วนกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส เป็นกองทุนผสม ลงทุนได้ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่งจะเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ แต่สามารถกระจายเงินลงทุนในหุ้นได้ไม่เกิน 20% ของพอร์ต เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี จึงเหมาะกับผู้ที่อยากลงทุนในหุ้นแต่ยังกลัวความเสี่ยงอยู่ โดยกองทุนมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี แต่จะสามารถรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุหากมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.65 บาท ณ วันทำการใดภายใน 1 ปี
ขณะที่กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐสกุลเงินออสเตรเลีย เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือหน่วยงานภาครัฐของประเทศออสเตรเลีย โดยกองทุนจะรับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย จึงเป็นการเพิ่มโอกาสทำกำไรหากค่าเงินออสเตรเลียมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้อยู่ที่การมีสภาพคล่องสูงมาก เนื่องจากลูกค้าสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาอีกด้วย
“กองทุนนี้เหมาะกับผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเรามักทำเป็นกองทุนปิดมีอายุโครงการ แต่เนื่องจากเรามองว่าผลตอบแทนมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ระหว่างการลงทุน โดยเฉพาะหากค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียก็จะทำให้กองทุนได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น รวมถึงการเปิดให้ลูกค้าสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ก็น่าจะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้าได้มากขึ้น”นายธีรนาถกล่าว
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะทำการเสนอขายกองทุนเปิดทิสโก้ สเปเชี่ยลพลัส 13 อายุ 2 ปี มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 21-30 กันยายนนี้ โดยกองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนภายในประเทศที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ ระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี แต่จะมีการเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุนด้วยการจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ (Auto Redemption) ทุกๆ 6 เดือน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเปิดขายกองทุนใหม่ 3 กองทุนตั้งแต่วันนี้ถึง 24 กันยายนนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐสกุลเงินออสเตรเลีย กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี 4 และกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศที่ออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งทำให้เชื่อว่าขณะนี้น่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการนำเสนอกองทุนใหม่พร้อมกันถึง 3 กองทุน โดยมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันเพื่อเป็นการเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลีนั้น จะเน้นลงทุนลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่รัฐ่บาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจประเทศเกาหลีใต้เป็นผู้ออก และจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
ส่วนกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส เป็นกองทุนผสม ลงทุนได้ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่งจะเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ แต่สามารถกระจายเงินลงทุนในหุ้นได้ไม่เกิน 20% ของพอร์ต เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี จึงเหมาะกับผู้ที่อยากลงทุนในหุ้นแต่ยังกลัวความเสี่ยงอยู่ โดยกองทุนมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี แต่จะสามารถรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุหากมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.65 บาท ณ วันทำการใดภายใน 1 ปี
ขณะที่กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐสกุลเงินออสเตรเลีย เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรหรือหน่วยงานภาครัฐของประเทศออสเตรเลีย โดยกองทุนจะรับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย จึงเป็นการเพิ่มโอกาสทำกำไรหากค่าเงินออสเตรเลียมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้อยู่ที่การมีสภาพคล่องสูงมาก เนื่องจากลูกค้าสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาอีกด้วย
“กองทุนนี้เหมาะกับผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเรามักทำเป็นกองทุนปิดมีอายุโครงการ แต่เนื่องจากเรามองว่าผลตอบแทนมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ระหว่างการลงทุน โดยเฉพาะหากค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียก็จะทำให้กองทุนได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น รวมถึงการเปิดให้ลูกค้าสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ก็น่าจะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้าได้มากขึ้น”นายธีรนาถกล่าว
