xs
xsm
sm
md
lg

กฎและกติกาในการอ่านสัญญาณทางเทคนิค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ ตลาดทุนไทนในสายตาต่างชาติ
โดยบริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด


ครั้งแรกในรอบหลายปี ที่มีโอกาสได้หยุดทำงานจริงๆ ต่อเนื่องถึง 3 วัน เพราะผมได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้คร่ำหวอดในแวดวง ตลาดซื้อ-ขาย ล่วงหน้า หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ FOREX (Foreign Exchange) เชิญให้ผมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนักลงทุนจาก 5 ประเทศ ที่ได้รับคัดเลือกโดย Dar Wong ให้เข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ “FX Mastery Advanced Trading” ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 2 กันยายน ถึงวันเสาร์ที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา ณ โรงแรม แชงกรีล่า โดยมีนักลงทุนเข้าร่วมจาก 5 ประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเชีย ฮ่องกง เวียดนาม อินโดนีเชีย และไทย จำนวนทั้งสิ้น 30 คน (ไม่ร่วมทีมงานของ Dar Wong อีก 7 คน)

วัถตุประสงค์ในการตอบรับ เพื่อเข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ของผม ไม่ใช่เพราะแค่ฟรี (มีงานสัมมนามากมายที่ผมได้รับเชิญเข้าร่วมในต่างประเทศ แต่พอเห็นเนื้อหาแล้ว ก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่) แต่เป็นเพราะเนื้อหาบทหนึ่งของการเรียนที่ว่าด้วย Time-series นั่นเอง

หลายต่อหลายครั้ง ที่นักลงทุนในบ้านเรา พยายามที่จะศึกษาถึงวิธีการในการ เข้า – ออก ตลาดด้วยหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยมีความคิดเห็นว่า สัญญาณทางเทคนิคน่าจะเหมาะสมกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของสินค้าทางการเงิน เช่น สัญญาณซื้อ-ขาย ล่วงหน้า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดการเงิน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว ที่สามารถคาดการณ์ได้ไม่ยาก หากอยู่ในตลาดนานเพียงพอ (ถ้าไม่หมดกำลังใจ หรือหมดเงินลงทุนไปเสียก่อน) แต่หากต้องการเวลาในการเรียนรู้ที่สั้นกว่านั้น ก็มีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาถึงศาสตร์เฉพาะทาง หรือ เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ (เน้นย้ำ) เพราะจะช่วยลดเวลาในการ ลองผิด- ลองถูก ออกไปได้มาก และแน่นอน ย่อมลดการสูญเสียเงินลงทุนไปด้วยเช่นกัน
รูปที่ 1 ผลตอบแทน เมื่อเทียบกับระยะเวลาการลงทุน โดยใช้ Ѳ เป็นมุมที่แสดงค่าความชันของอัตราผลตอบแทน หรือ dY/dX
สำหรับนักลงทุน ที่ต้องการเรียนรู้การวิเคราะห์โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคนั้น หากได้มีโอกาสพิจารณาหลักสูตรที่มีการจัดโดย บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย กับ แบบมีค่าใช้จ่าย (อ้างอิงจากเว็บไซต์ www.technicalday.com) ซึ่งจัดโดยบริษัทฯ ที่ให้บริการทั้งในและต่างประเทศนั้น จุดหนึ่งที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาคือ เนื้อหาการเรียน การสอน ที่จัดขึ้นมานั้น เป็นไปตามลำดับและขั้นตอนที่เหมาะสม หรือต่อยอดองค์ความรู้ที่นักลงทุนมีอยู่เดิมเพียงใด ยกตัวอย่าง
1.ความรู้เรื่องแนวโน้ม (Trend)
2.การหาจุดสูงสุด-ต่ำสุด (Spot TOP & BOTTOM)
3.การการจุดกลับตัว (Reversal Point)
4.การพยากรณ์ราคาเป้าหมาย (Price Forecast)
5.การพยากรณ์ช่วงเวลา (Time Duration)

องค์ประกอบสำหรับข้างต้น หมายถึง ลำดับความรู้ ที่นักลงทุนจะต้องศึกษาหากต้องการลงทุน โดยใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค ไม่ว่าจะในตลาดใดก็ตาม โดยความรู้เรื่องแนวโน้ม ถือว่าเป็นความรู้ที่นักลงทุนจะต้องทราบเป็นลำดับแรก (พื้นฐาน) ส่วน การพยากรณ์ช่วงเวลานั้น ถือเป็นองค์ความรู้ที่ยากที่สุด (คงตอบคำถาม หรือ ข้อสงสัยในตอนต้นได้แล้วว่า ทำไมผมที่สนใจที่จะเข้าเรียนในคอร์สของ Dar Wong)

นักลงทุนส่วนใหญ่มักเสียเวลา และเสียเงินโดยปล่าวประโยชน์หากไปเข้าอบรมในหลักสูตรที่สอนในสิ่งที่ตัวเองทราบอยู่แล้ว เปรียบไปก็เหมือนการย่ำอยู่กับที่ ทำให้ความรู้ที่ได้เพิ่มมา ก็อาจใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่เต็มที่ เพราะไม่ได้อุดรูรั่ว หรือตอบสนองความต้องการที่แท้จริง

สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเรา ยังคงวิ่งตามกระแสการปรับตัวขึ้นของดัชนีต่างประเทศแบบมีนัยสำคัญ รวมทั้งราคาทองคำ ที่แสดงให้เป็นถึงความผันผวนก่อนหน้านี้ จนทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะลงทุนในช่วงนี้ (สำหรับผู้เขียนเอง กำลังรอจังหวะการปรับตัวช่วงขาลงอยู่ครับ) หากใครคิดจะลงทุนก็ควรวางแผนให้รอบคอบก่อนทุกครั้งนะครับ

ในวันนี้ (พุธที่ 9 กันยายน 52) ผมได้จัดสัมมนาฟรีในหัวข้อ “Increase Profit with NextVIEW Advisor” เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ผ่านโปรแกรม NextVIEW Advisor สำหรับนักลงทุน หรือผู้สนใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สนใจโทร 02 627 3360 หรือ เข้าดูที่เว็บไซต์ที่แจ้งไว้ตั้งแต่ตอนต้นครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น