xs
xsm
sm
md
lg

ฟินันซ่าชวนลงทุนหุ้นทั่วโลก ชูโอกาสรับผลตอบแทนรอศก.ฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ฟินันซ่า คลอด "ฟินันซ่า โกลบอล ธีมเมติก เอควิตี้ส์"  กระจายการลงทุนในอีทีเอฟ 6 กลุ่มหลักทั่วโลก ชูโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน พลังงานทางเลือก สินค้าอุปบริโภคในเอเชีย เป็นตัวนำ  เชื่ออานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว สร้างผลตอบแทนดีระยะยาว เปิดจองไอพีโอ 10-19 สิงหาคมนี้
 นายธีระ  ภู่ตระกูล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า  ในระหว่างวันที่ 10-19 สิงหาคม 2552 บริษัทจะเปิดจองหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ของกองทุนเปิดหน่วยลงทุน ฟินันซ่า โกลบอล ธีมเมติก เอควิตี้ส์ (FAM GTEF) โดยเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) มีจำนวนเงินทุนโครงการอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท โดยกองทุนเปิดFAM GTEF  จะลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) และ/หรือกองทุนรวมอื่นๆในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละกองทุนเป็นตัวแทนของกลุ่มการลงทุน(investment theme) ที่มีศักภาพในการเติบโตและให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนของพอร์ตที่สูงกว่าดัชนีอ้างอิง
 ทั้งนี้ กองทุนเปิดFAM GTEF เน้นลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในกลุ่มการลงทุน(investment theme) เบื้องต้นพร้อมให้สัดส่วนการลงทุนใน กลุ่ม โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infrastructure) 25% กลุ่มพลังงานทางเลือก (Alternative Energy) 20% กลุ่มสินค้าอุปบริโภคในเอเชีย (Asian Consumption)20% กลุ่มสุขภาพการแพทย์ (Healtcare)15% กลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่(Emerging Markets) 10% และกลุ่มวัสดุพื้นฐาน (Basic Materials) 10%
 นายธีระกล่าวว่า การลงทุนและการให้น้ำหนักการลงทุนของกองทุนนี้ ถือว่ามีการกระจายความเสี่ยงที่ดี อีกทั้งการลงทุนในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟหลายๆ กองที่มีการกระจายการลงทุนทั่วโลก ซึ่งกองทุนเปิด FAM GTEF เองก็ถือเป็นอีกทางเลือกของนักลงทุนไทย เพื่อใช้กระจายความเสี่ยงในเรื่องของ การเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ
 ทั้งนี้ แม้การลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟนักลงทุนจะต้องจ่ายค่าจัดการกองทุนรวมถึง 2 ครั้ง โดยจ่ายให้กับผู้จัดการกองทุนในประเทศ และผู้จัดการกองทุนรวมที่กองทุนออกไปลงทุน แต่ข้อดีของกองทุนรวมอีทีเอฟเมื่อเทียบกับกองทุนรวมอื่นๆคือ มีค่าจัดการกองทุน(ค่าฟี) ที่ถูกกว่า ขณะที่ผลตอบแทนก็ดีกว่าด้วย ประกอบกับการลงทุนของกองทุนยังมีความโปร่งใส ทำให้นักลงทุนทราบว่า กองทุนมีการลงทุนในสินทรัพย์อะไร ในสัดส่วนเท่าไหร่ นอกจากนี้ กองทุนยังมีสภาพคล่องสูง นักลงทุนสามารถซื้อขายได้เหมือนซื้อขายหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และกองทุนยังมีการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วย
นายธีระกล่าวว่า การลงทุนทั้งหมด จะมองถึงผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว การลงทุนในกลุ่มต่างๆ ที่กองทุนของเราเข้าไปลงทุนนั้น จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ โดยเราจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนทุกๆ ไตรมาสเพื่อประเมินผลในการลงทุนและให้น้ำหนักการลงทุนในแต่ละกลุ่มธุระกิจไม่เกิน 25% ของพอร์ตการลงทุน ซึ่งอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ทั้งนี้ เราอาจจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนบ่อยขึ้น หากมีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้น และหากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาจะบริหารจัดการพอร์ตโดยให้น้ำหนักถือเงินสดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพื่อรอการลงทุนใหม่
อย่างไรก็ตาม การให้น้ำหนักการลงทุนขึ้นอยู่กับการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ประกอบกับทิศทางของตลาดทุน ซึ่งบ่งชี้ว่าหุ้นในภูมิภาคใด อุตสาหกรรมใดหรือภาคเศรษฐกิจใด มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนที่ดีและสูงกว่าผลตอบแทนของตลาดโดยรวม
"การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงนี้ถือว่ามีความน่าสนใจ ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวน แต่ราคาหุ้นในขณะนี้ถือว่ายังถูกอยู่ หากนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้เยอะหน่อย โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในช่วงตลาดหุ้นฟื้นตัวจึงมีมาก อีกทั้งเราไม่ได้ไปลงทุนในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ แต่เราเลือกลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มจะกลับขึ้นมา เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้แก่นักลงทุน" นายธีระกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น