คำถาม - กรณีซื้อ RMF ตั้งแต่ปี 2546 ไว้ปีเดียว โดยใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อต่อเนื่องอีกเลย ขณะนี้อายุเกิน 55 ปีแล้วค่ะ ถ้าจะขายคืนในปี 2552 นี้ คำถาม คือ 1. กำไรที่เกิดขึ้นจากการขายคืน RMF ในปี 2552 นี้ ต้องนำไปเป็นรายได้เพื่อคำนวณภาษีหรือไม่คะ
2. ต้องคืนภาษีที่ได้ลดหย่อนไว้ย้อนหลัง 5 ปี กรณีนี้นับย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2547 ซึ่งไม่มีการซื้อ RMF อีกเลย แล้วจะคืนภาษีได้อย่างไรค่ะ จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ตอบข้อซักถาม หรือท่านมีข้อแนะนำใดๆ เพิ่มเติม ดิฉันขอน้อมรับไว้ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง สิริพรรณ siripun@primavest.com
ตอบ - คุณ ธวัชชัย เหลืองสุรรังษี จากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเป็นผู้ตอบคำถามให้นะครับ เงื่อนไขในการลงทุนใน RMF นั้นจะเว้นปีในการลงทุนได้เพียงไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ดังนั้น ตามข้อมูลตัวอย่าง ผู้ลงทุนได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขการลงทุนตั้งแต่ในปี 2548 ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนจากเงินลงทุนใน RMF ย้อนหลังไม่เกิน 5 ปี (ก็คือปีที่ซื้อนั้นครั้งเดียว) ไปคืนให้กับกรมสรรพากรโดยการยื่นขอแก้ไขแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2546 เสียใหม่ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2549 ทั้งนี้ หากมีการคืนภาษีภายหลังวันที่ 31 มีนาคม 2549 ผู้ลงทุนจะต้องคืนพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนคิดย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 มาจนถึงวันคืนภาษี โดยเศษของเดือนคิดเป็น 1 เดือน แต่จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1 เท่าของภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนนั้น
แต่หากเป็นกรณีที่ถูกตรวจสอบก็อาจจะต้องเสียเบี้ยปรับได้อีกไม่เกิน 1 เท่าของภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนไว้นั้น การตรวจสอบเข้าใจว่ากรมสรรพากรอาจจะมีสิทธิตรวจสอบได้ภายในระยะเวลานับย้อนหลัง 5 ปีจากที่ที่ปฏิบัติผิดนั้นได้ ถัดมาในส่วนของเงินลงทุนที่มีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนตามที่กรมสรรพากรกำหนด (ต้องครบเงื่อนไขทุกข้อไม่ใช่เลือกเฉพาะบางข้อ) หากมีการขายคืนแล้วมีกำไรที่เกิดจากการลงทุนผู้ลงทุนจะต้องนำกำไรที่ได้รับ (ถ้ามี) ไปรวมเป็นเงินได้ในปีที่ขายคืนนั้นเพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีด้วย ในตัวอย่างคือปี 2552 นั้นเอง
คำถาม - ผมมีความสนใจลงทุนใน RMF แต่เมื่อดูกฎการขายคืนที่กำหนดว่าขายได้ต่อเมื่ออายุ 55 ปี หรือไม หากขายคืนก่อนกำหนดต้องคืนภาษีให้กรมสรรพากร เนื่องจากเมื่อผมคำนวณ 15% ของเงินเดือน (ประมาณ 100,000 บาทต่อปี) ซึ่งผมก็ลงทุนใน LTF ทุกปี อยากทราบว่าถ้าในอนาคตผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินใน RMF เช่น เจ็บป่วย เข้านอนโรงพยาบาล หรือผ่าดัด อยากทราบว่ามีวิธีการไหนที่ไม่ต้องคืนภาษีให้แก่กรมสรรพากร วีรพงษ์
ตอบ - ถ้าเป็นวิธีตามปกติไม่มีวิธีไหนที่ไม่ต้องคืนภาษีให้กับกรมสรรพากรครับ หากผู้ลงทุนมีการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุน คือ ผู้ลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษีกำไรและไม่ต้องคืนภาษีที่เคยได้รับก็ต่อเมื่อขายคืนเมื่อมีอายุครบ 55 ปี และมีปีในการลงทุนเพิ่มต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี (ปีที่ไม่ลงทุนก็ไม่นับ) รวมทั้งระยะเวลาตั้งแต่วันแรกที่ลงทุนจนถึงวันที่ขายคืนก็ต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) อย่างไรก็ดี ในการคืนภาษีนั้นคืนเฉพาะภาษีที่ได้รับลดหย่อนไว้ 5 ปีย้อนหลังเท่านั้น โดยจะต้องคืนภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ปฏิบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจึงจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนให้ครับ ดังนั้น การลงทุนในกองทุนรวม RMF จึงไม่ใช้นำเงินออมที่มีอยู่ทั้งหมดมาลงทุน จะต้องเป็นเงินออมในจำนวนที่ผู้ลงทุนต้องการสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อตอนเกษียณอายุครับ อย่างไรก็ดี กรณีที่ผู้ลงทุนทุพพลภาพตามที่กรมสรรพากรกำหนดก็สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนรวม RMF ได้โดยได้รับยกเว้นภาษีกำไรและไม่ต้องคืนภาษีที่เคยลดหย่อนเช่นเดียวกับการลงทุนครบเงื่อนไขครับ
ต้องขอบคุณ คุณ ธวัชชัยจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนนะครับ สำหรับท่านผู้อ่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงุทนในกองทุนรวม หรือสงสัยในกองทุนที่ท่านผู้อ่านเข้าไปลงทุน ทางเรายินดีเป็นสื่อกลางให้ครับ ท่านสามารถส่งคำถามมาได้ที่อีเมล์ fund@manager.co.th หรือโพสต์คำถามไว้ที่ www.manager.co.th ในหน้ากองทุนรวม ทีมงานเต็มใจที่จะหาคำตอบให้ทางผู้อ่านได้ทราบอย่างเเน่นอนครับ
2. ต้องคืนภาษีที่ได้ลดหย่อนไว้ย้อนหลัง 5 ปี กรณีนี้นับย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2547 ซึ่งไม่มีการซื้อ RMF อีกเลย แล้วจะคืนภาษีได้อย่างไรค่ะ จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ตอบข้อซักถาม หรือท่านมีข้อแนะนำใดๆ เพิ่มเติม ดิฉันขอน้อมรับไว้ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง สิริพรรณ siripun@primavest.com
ตอบ - คุณ ธวัชชัย เหลืองสุรรังษี จากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเป็นผู้ตอบคำถามให้นะครับ เงื่อนไขในการลงทุนใน RMF นั้นจะเว้นปีในการลงทุนได้เพียงไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ดังนั้น ตามข้อมูลตัวอย่าง ผู้ลงทุนได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขการลงทุนตั้งแต่ในปี 2548 ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนจากเงินลงทุนใน RMF ย้อนหลังไม่เกิน 5 ปี (ก็คือปีที่ซื้อนั้นครั้งเดียว) ไปคืนให้กับกรมสรรพากรโดยการยื่นขอแก้ไขแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2546 เสียใหม่ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2549 ทั้งนี้ หากมีการคืนภาษีภายหลังวันที่ 31 มีนาคม 2549 ผู้ลงทุนจะต้องคืนพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนคิดย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 มาจนถึงวันคืนภาษี โดยเศษของเดือนคิดเป็น 1 เดือน แต่จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 1 เท่าของภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนนั้น
แต่หากเป็นกรณีที่ถูกตรวจสอบก็อาจจะต้องเสียเบี้ยปรับได้อีกไม่เกิน 1 เท่าของภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนไว้นั้น การตรวจสอบเข้าใจว่ากรมสรรพากรอาจจะมีสิทธิตรวจสอบได้ภายในระยะเวลานับย้อนหลัง 5 ปีจากที่ที่ปฏิบัติผิดนั้นได้ ถัดมาในส่วนของเงินลงทุนที่มีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนตามที่กรมสรรพากรกำหนด (ต้องครบเงื่อนไขทุกข้อไม่ใช่เลือกเฉพาะบางข้อ) หากมีการขายคืนแล้วมีกำไรที่เกิดจากการลงทุนผู้ลงทุนจะต้องนำกำไรที่ได้รับ (ถ้ามี) ไปรวมเป็นเงินได้ในปีที่ขายคืนนั้นเพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีด้วย ในตัวอย่างคือปี 2552 นั้นเอง
คำถาม - ผมมีความสนใจลงทุนใน RMF แต่เมื่อดูกฎการขายคืนที่กำหนดว่าขายได้ต่อเมื่ออายุ 55 ปี หรือไม หากขายคืนก่อนกำหนดต้องคืนภาษีให้กรมสรรพากร เนื่องจากเมื่อผมคำนวณ 15% ของเงินเดือน (ประมาณ 100,000 บาทต่อปี) ซึ่งผมก็ลงทุนใน LTF ทุกปี อยากทราบว่าถ้าในอนาคตผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินใน RMF เช่น เจ็บป่วย เข้านอนโรงพยาบาล หรือผ่าดัด อยากทราบว่ามีวิธีการไหนที่ไม่ต้องคืนภาษีให้แก่กรมสรรพากร วีรพงษ์
ตอบ - ถ้าเป็นวิธีตามปกติไม่มีวิธีไหนที่ไม่ต้องคืนภาษีให้กับกรมสรรพากรครับ หากผู้ลงทุนมีการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุน คือ ผู้ลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษีกำไรและไม่ต้องคืนภาษีที่เคยได้รับก็ต่อเมื่อขายคืนเมื่อมีอายุครบ 55 ปี และมีปีในการลงทุนเพิ่มต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี (ปีที่ไม่ลงทุนก็ไม่นับ) รวมทั้งระยะเวลาตั้งแต่วันแรกที่ลงทุนจนถึงวันที่ขายคืนก็ต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) อย่างไรก็ดี ในการคืนภาษีนั้นคืนเฉพาะภาษีที่ได้รับลดหย่อนไว้ 5 ปีย้อนหลังเท่านั้น โดยจะต้องคืนภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ปฏิบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจึงจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนให้ครับ ดังนั้น การลงทุนในกองทุนรวม RMF จึงไม่ใช้นำเงินออมที่มีอยู่ทั้งหมดมาลงทุน จะต้องเป็นเงินออมในจำนวนที่ผู้ลงทุนต้องการสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อตอนเกษียณอายุครับ อย่างไรก็ดี กรณีที่ผู้ลงทุนทุพพลภาพตามที่กรมสรรพากรกำหนดก็สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนรวม RMF ได้โดยได้รับยกเว้นภาษีกำไรและไม่ต้องคืนภาษีที่เคยลดหย่อนเช่นเดียวกับการลงทุนครบเงื่อนไขครับ
ต้องขอบคุณ คุณ ธวัชชัยจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนนะครับ สำหรับท่านผู้อ่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงุทนในกองทุนรวม หรือสงสัยในกองทุนที่ท่านผู้อ่านเข้าไปลงทุน ทางเรายินดีเป็นสื่อกลางให้ครับ ท่านสามารถส่งคำถามมาได้ที่อีเมล์ fund@manager.co.th หรือโพสต์คำถามไว้ที่ www.manager.co.th ในหน้ากองทุนรวม ทีมงานเต็มใจที่จะหาคำตอบให้ทางผู้อ่านได้ทราบอย่างเเน่นอนครับ
