กองอสังหาฯ "TU-PF" แจงผลประกอบการไตรมาสแรกยังขาดทุน ระบุค่าใช้จ่ายพุ่ง แม้เริ่มเก็บค่าเช่าได้แล้ว
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียลคอมเพล็กซ์ หรือ TU-PF ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2552 สิ้นสุดณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ว่า กองทุนขาดทุนอยู่ที่ 0.96 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้นที่ 0.0092 บาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2551นั้นกองทุนดังกล่าวขาดทุนอยู่ที่ 2.36 ล้านบาทคิดเป็นขาดทุนต่อสุทธิต่อหุ้น 0.0226 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ ประจำไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 นั้นเปลี่ยนแปลงลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 3.32 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 140.79 กล่าวคือลดลงจากกำไรสุทธิ 2.36 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีก่อน เป็นขาดทุนสุทธิ 0.96 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีนี้ มาจากรายได้รวมของกองทุนเพิ่มขึ้น 2.06 ล้านบาท จาก 6.11 ล้านบาท เป็น 8.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.66 เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 กองทุนได้รับมอบอาคารโครงการที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียลคอมเพล็กซ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 กองทุนได้ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิการเช่าที่สำนักงานที่ดินแล้วกองทุนจึงมีรายได้ค่าเช่าและบริการจากอาคารโครงการดังกล่าว ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายรวมของกองทุนเพิ่มขึ้น 5.36 ล้านบาท จาก 3.77 ล้านบาท เป็น 9.13 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 142.07 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับกองทุนดังกล่าวจะดำเนินการเช่าทรัพย์สินที่เช่าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีอายุการเช่าประมาณ 30 ปี เพื่อนำมาจัดหาผลประโยชน์ โดยให้เช่าช่วงและบริการกับนักศึกษา คณาจารย์ และนักวิชาการต่าง ๆ เป็นหลัก ซึ่งในเบื้องต้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเป็นผู้บริหารทรัพย์สินในส่วนของหอพักและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวนี้ให้กับกองทุน และกองทุนอาจแต่งตั้งผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์รายอื่นมาดำเนินการบริหารจัดการในส่วนพื้นที่เพื่อการค้า ที่เป็นร้านค้ารวมผสม และพื้นที่สันทนาการ (ถ้ามี) อาทิเช่น ร้านค้าปลีกซูเปอร์มาเก็ต ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ หรือโรงโบว์ลิ่ง (ถ้ามี)ฯลฯในระหว่างที่รอให้โครงการหอพักนักศึกษาและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แล้วเสร็จ กองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารภาครัฐ ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก ตามที่เห็นสมควร
ก่อนหน้านี้นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผุ้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ ว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเปิดให้เช่าร้านค้าภายในศูนย์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ที่จะเปิดในเดือนมิถุนายน โดยตอนนี้ชาวญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในนวนคร จ.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาติดต่ออพาร์ทเม้นท์เป็นจำนวนมาก โดยค่าเช่าจากเดิมที่เคยทำไว้ปประมาณ 8,000 บาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000-25,000 บาท แต่ก็ยังถูกกว่าที่เขาเช่าอยู่ที่นวนครเกือบครึ่ง ซึ่งจากการประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ของโครงการใหม่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14% จากเดิมที่ 12-13% เท่านั้น ซึ่งกองทุนน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ให้กับผู้ลงทุนได้อย่างแน่นอน
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียลคอมเพล็กซ์ หรือ TU-PF ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2552 สิ้นสุดณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ว่า กองทุนขาดทุนอยู่ที่ 0.96 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้นที่ 0.0092 บาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2551นั้นกองทุนดังกล่าวขาดทุนอยู่ที่ 2.36 ล้านบาทคิดเป็นขาดทุนต่อสุทธิต่อหุ้น 0.0226 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ ประจำไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 นั้นเปลี่ยนแปลงลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 3.32 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 140.79 กล่าวคือลดลงจากกำไรสุทธิ 2.36 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีก่อน เป็นขาดทุนสุทธิ 0.96 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีนี้ มาจากรายได้รวมของกองทุนเพิ่มขึ้น 2.06 ล้านบาท จาก 6.11 ล้านบาท เป็น 8.17 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.66 เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 กองทุนได้รับมอบอาคารโครงการที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียลคอมเพล็กซ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 กองทุนได้ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิการเช่าที่สำนักงานที่ดินแล้วกองทุนจึงมีรายได้ค่าเช่าและบริการจากอาคารโครงการดังกล่าว ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายรวมของกองทุนเพิ่มขึ้น 5.36 ล้านบาท จาก 3.77 ล้านบาท เป็น 9.13 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 142.07 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของโครงการดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับกองทุนดังกล่าวจะดำเนินการเช่าทรัพย์สินที่เช่าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีอายุการเช่าประมาณ 30 ปี เพื่อนำมาจัดหาผลประโยชน์ โดยให้เช่าช่วงและบริการกับนักศึกษา คณาจารย์ และนักวิชาการต่าง ๆ เป็นหลัก ซึ่งในเบื้องต้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเป็นผู้บริหารทรัพย์สินในส่วนของหอพักและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวนี้ให้กับกองทุน และกองทุนอาจแต่งตั้งผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์รายอื่นมาดำเนินการบริหารจัดการในส่วนพื้นที่เพื่อการค้า ที่เป็นร้านค้ารวมผสม และพื้นที่สันทนาการ (ถ้ามี) อาทิเช่น ร้านค้าปลีกซูเปอร์มาเก็ต ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ หรือโรงโบว์ลิ่ง (ถ้ามี)ฯลฯในระหว่างที่รอให้โครงการหอพักนักศึกษาและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แล้วเสร็จ กองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารภาครัฐ ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก ตามที่เห็นสมควร
ก่อนหน้านี้นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผุ้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ ว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเปิดให้เช่าร้านค้าภายในศูนย์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ที่จะเปิดในเดือนมิถุนายน โดยตอนนี้ชาวญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในนวนคร จ.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาติดต่ออพาร์ทเม้นท์เป็นจำนวนมาก โดยค่าเช่าจากเดิมที่เคยทำไว้ปประมาณ 8,000 บาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000-25,000 บาท แต่ก็ยังถูกกว่าที่เขาเช่าอยู่ที่นวนครเกือบครึ่ง ซึ่งจากการประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ของโครงการใหม่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14% จากเดิมที่ 12-13% เท่านั้น ซึ่งกองทุนน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ให้กับผู้ลงทุนได้อย่างแน่นอน
