ASTVผู้จัดการรายวัน - เปิดพอร์ตกองหุ้นเพื่อการเลี้ยงชีพ บลจ.ทหารไทย พบผ่านไตรมาสแรก ยิลด์ย้อนหลัง 3 เดือน ปรับตัวบวกทั้ง 3 กอง โดย "ทหารไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ" ปรับตัวบวกกว่า 8 %
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ณ วันที่ 17 เมษายน 2552 พบว่า หลังจากผ่านช่วงไตรมาสแรกของปี กองทุนทั้ง 3 กองมีผลการดำเนินงาน สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 กอง โดย กองทุนเปิดทหารไทยธนบดี เพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.23 เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (เปรียบเทียบกับทหารไทยธนบดีเพื่อการเลี้ยงชีพ) อยู่ที่ 0.94% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 1.93% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.46% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.26% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.89% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.10% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.56% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 2.63% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.05%
กองทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้ความมั่นคงในการดำรงเงินต้น สร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอและมีสภาพคล่องสูง และมีโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน และตราสารหนี้ภาคเอกชนชั้นดี โดยจะลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับ และ/หรือผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน มีอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นอันดับแรก ในระดับ National Scale และ/หรือ มีอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นสองอันดับแรกในระดับ International Scale และในกรณีที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้น กองทุนสามารถลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (หรือส่วนของตราสารหนี้ระยะยาวที่อายุไม่เกิน 1 ปี) ที่ได้รับการจัดอันดับ และ/หรือผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน มีอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวสามอันดับแรก
ขณะที่กองทุนเปิดทหารไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 8.12% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนี SET50 (เปรียบเทียบกับ ทหารไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ)อยู่ที่ 5.89% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.13% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -2.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -45.20% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -47.47% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ -31.77% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -39.43% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 1.37% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -19.26%
โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงที่สุดกับผลตอบแทนของดัชนี SET50 โดยจะลงทุนหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบห้าของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และมีนโยบายการลงทุนที่จะพยายามลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (fully invested) เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนดัชนีที่กองทุนใช้อ้างอิงในการสร้างผลตอบแทนเป็นดัชนีอื่นใดแทนดัชนี SET50 ในกรณีที่ดัชนีดังกล่าวถูกยกเลิกหรือจะไม่มีการคำนวณอีกต่อไป โดยดัชนีที่จะนำมาใช้แทนจะต้องเป็นดัชนีที่วัดผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยรวม กองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive management strategy) เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี SET50 โดยกองทุนจะเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นสามัญของบริษัทต่างๆ ในสัดส่วนที่เท่าหรือใกล้เคียงกับน้ำหนักที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีดังกล่าว
ส่วนกองทุนเปิด JUMBO25 เพื่อการเลี้ยงชีพมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.53% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีผลตอบแทนรวม SET 50 (เปรียบเทียบกับ ทหารไทย JUMBO25 เพื่อการเลี้ยงชีพ ) อยู่ที่ 4.62% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.75% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 0.57% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -43.20% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -44.74% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ -27.53% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -30.78% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -7.62% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -15.51%
ทั้งนี้ กองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวจากการลงทุนในตราสารทุนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง มีผลประกอบการที่เป็นกำไร และมีการจ่ายหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัท การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และวันทำการแรกของเดือนกันยายน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ณ วันที่ 17 เมษายน 2552 พบว่า หลังจากผ่านช่วงไตรมาสแรกของปี กองทุนทั้ง 3 กองมีผลการดำเนินงาน สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานทั้ง 3 กอง โดย กองทุนเปิดทหารไทยธนบดี เพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.23 เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (เปรียบเทียบกับทหารไทยธนบดีเพื่อการเลี้ยงชีพ) อยู่ที่ 0.94% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 1.93% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.46% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.26% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 1.89% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.10% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.56% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 2.63% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.05%
กองทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้ความมั่นคงในการดำรงเงินต้น สร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอและมีสภาพคล่องสูง และมีโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน และตราสารหนี้ภาคเอกชนชั้นดี โดยจะลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับ และ/หรือผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน มีอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นอันดับแรก ในระดับ National Scale และ/หรือ มีอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้นสองอันดับแรกในระดับ International Scale และในกรณีที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้น กองทุนสามารถลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (หรือส่วนของตราสารหนี้ระยะยาวที่อายุไม่เกิน 1 ปี) ที่ได้รับการจัดอันดับ และ/หรือผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน มีอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวสามอันดับแรก
ขณะที่กองทุนเปิดทหารไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 8.12% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนี SET50 (เปรียบเทียบกับ ทหารไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ)อยู่ที่ 5.89% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.13% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -2.03% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -45.20% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -47.47% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ -31.77% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -39.43% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 1.37% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -19.26%
โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงที่สุดกับผลตอบแทนของดัชนี SET50 โดยจะลงทุนหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบห้าของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และมีนโยบายการลงทุนที่จะพยายามลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (fully invested) เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนดัชนีที่กองทุนใช้อ้างอิงในการสร้างผลตอบแทนเป็นดัชนีอื่นใดแทนดัชนี SET50 ในกรณีที่ดัชนีดังกล่าวถูกยกเลิกหรือจะไม่มีการคำนวณอีกต่อไป โดยดัชนีที่จะนำมาใช้แทนจะต้องเป็นดัชนีที่วัดผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยรวม กองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive management strategy) เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี SET50 โดยกองทุนจะเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นสามัญของบริษัทต่างๆ ในสัดส่วนที่เท่าหรือใกล้เคียงกับน้ำหนักที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีดังกล่าว
ส่วนกองทุนเปิด JUMBO25 เพื่อการเลี้ยงชีพมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.53% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีผลตอบแทนรวม SET 50 (เปรียบเทียบกับ ทหารไทย JUMBO25 เพื่อการเลี้ยงชีพ ) อยู่ที่ 4.62% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -0.75% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 0.57% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -43.20% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -44.74% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ -27.53% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -30.78% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -7.62% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -15.51%
ทั้งนี้ กองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวจากการลงทุนในตราสารทุนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง มีผลประกอบการที่เป็นกำไร และมีการจ่ายหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัท การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และวันทำการแรกของเดือนกันยายน