xs
xsm
sm
md
lg

โหมโรง Gold Futures 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ตลาดทุนไทยในสายตาต่างชาติ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับข่าวดีในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลตอบรับจากงาน Indicator Conference 2009 ที่ทำให้บรรดาโบรกเกอร์ต่างๆ ให้ความสนใจในตัวโปรแกรม NextVIEW Advisor จำนวนมาก จนถึงขนาดติดต่อเข้ามากันหลายที่ เพื่อขอให้ไปสาธิตถึงวิธีการใช้งานหลายต่อหลายครั้ง เล่นเอาเหนื่อยกันไปเลยทีเดียว (หรืออาจเป็นแพราะผมลดราคาลงต่ำกว่าครึ่งของราคาเดิมก็เป็นได้ ทำไงได้ครับ เมื่อตลาดไม่ดี เราก็ต้องเห็นใจผู้บริโภค เพราะเข้าใจว่าทุกโบรก คงกำลังพยายามหาวิธีลดต้นทุน เพื่อรับมือกับช่วงเศรษฐกิจขาลง ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้) และก็ต้องขอบคุณกูรูทุกคน ที่ให้เกียรติกับทาง บริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) ที่ตอบรับคำเชิญมาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งผมก็หวังว่าจะได้เจอกับท่านเหล่านี้อีกในงาน ATIC @KL 2009 ในวันที่ 14 – 15 มีนาคม 2552 ที่ประเทศมาเลเชีย (สำหรับนักลงทุนท่านใด ที่สนใจไปเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้และอัพเดทตัวเอง เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ ก็ยินดีนะครับ ในทริปนี้ ผมขออนุญาตรับนักลงทุนแค่ 10 คน โดยจ่ายคนละประมาณ 20,000 บาท ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อคุณปุ๊ก ที่หมายเลข 02 627 3360-2 หรือ www.theatic.net)

ข่าวดีอย่างที่ สอง คือ ณ ตอนนี้ ทางสำนักงานใหญ่ ได้แจ้งให้ทราบว่า ทางสำนักงานประเทศไทย ที่ผมดูแลอยู่ สามารถจำหน่ายข้อมูลเรียลไทม์ ของ TOCOM (Tokyo Commodities Exchange) ได้แล้ว หลังจากที่ปล่อยให้นักลงทุนบ้านเรา ต้องจำใจยอมจ่ายค่าข้อมูลในราคาแพงเกินจริงอยู่ก่อนหน้านี้ และยังไม่หมดเท่านั้น สำหรับนักลงทุนชาวไทย ที่ต้องการดูข้อมูลเรียลไทม์ ของตลาดสหรัฐอเมริกา ก็สามารถติดต่อเพื่อใช้งานได้ทันที ครบทั้ง 3 ตลาด เช่นกันครับ

ส่วนในวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมก็ได้รับเกียรติจากพันธมิตรของทางบริษัทฯ คือ บล. บีที จำกัด (ที่อีกหน่อยอาจเปลี่ยนชื่อเป็น CIMB) ที่ให้เกียรติเชิญผมไปเป็นวิทยากรในการบรรยายร่วม เกี่ยวกับการลงทุนใน Gold Futures กับทางทีมผู้บริหาร และทีมนักวิเคราะห์ที่มีความสามารถ โดยภาพรวมวันนั้นก็เป็นไปด้วยดีและน่าสนใจ จนต้องเลื่อนเวลาปิดงานสัมมนา จาก 12:00 เป็น 12:30 น. เนื่องจากนักลงทุน มีคำถามค่อนข้างมากในช่วงต้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถึง บล.บีที จะเป็นโบรกเล็กๆ แต่ก็บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ไม่แพ้โบรกเกอร์รายใหญ่ๆ เลยทีเดียว แบบนี้ต้องช่วยกันสนับสนุนกันหน่อยนะครับ

แนวโน้มการเจริญเติบโตทางด้านตลาดทุนในบ้านเรายังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน สืบเนื่องจากผลของเศรษฐกิจของโลก ที่เข้าครอบงำอยู่ ตลาดจนทิศทางการเมืองที่อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถทำให้ภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศ เกิดความเชื่อมั่นได้มากนัก จนทำให้หลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบันฯ และนักลงทุนรายย่อย ยังลังเลและไม่กล้าที่จะเข้าลงทุนมากนัก เนื่องจากความไม่ชัดเจนของนโยบายจากภาครัฐ ที่ยังไม่สามารถทำให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศมั่นใจได้ ยังไม่รวมความขัดแย้งของกลุ่มทางการเมืองที่ยังไม่จบสิ้น จนทำให้ปริมาณซื้อ-ขาย ในตลาดหลักทรัพย์ ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ค่อนข้างโชคดีที่ตลาดหลักทรัพย์สามารถออกสินค้าใหม่ หรือ Gold Futures ได้ทันเวลา ซึ่งก็ช่วยทำให้บรรยากาศด้านการลงทุนกระเตื้องขึ้นได้บ้าง แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ถึงจะทำให้นักลงทุนที่เก็งกำไรจากการซื้อขายทองคำแท่ง เปลี่ยนมาเป็นการซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้าแทนได้ อันเนื่องมาจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ตลาดจนข้อจำกัดบางอย่างของตัวสินค้า ที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์

รูปที่ 1 เป้าหมายการปรับตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อยู่ที่ระดับ 320 จุด ในปีนี้

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเรา มีรูปแบบการแกว่งตัว คล้ายสามเหลี่ยม (Symmetrical Triangles) อย่างมีนัยสำคัญและค่อนข้างจะมีแนวโน้มที่จะสามารถพยากรณ์ได้และสอดคล้องกับทฤษฎี ซึ่งนักลงทุนหลายๆ คน คงจะพอทราบถึงสัญญาณดังกล่าว ที่บอกว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) กำลังจะปรับตัวเป็นขาลงเพื่อสร้างจุดต่ำสุดอีกครั้งในไม่ช้า (จากเดิมสร้างจุดต่ำสุดไว้ที่ประมาณ 380 จุด ในวันที่ 29 ตุลาคม และ 26 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว) แต่ถ้าดัชนีจะปรับตัวเป็นขาขึ้นได้นั้น ก็จะต้องพิจารณาการเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือระดับ 480 จุด ก่อน ถึงจะไว้วางใจได้ (อาจทดสอบด้วยเส้น WMA 120 วัน ก็พอที่จะสามารถบอกได้ ในระดับหนึ่ง) ซึ่งในมุมมองของผู้เขียนเองนั้น เห็นว่าช่วงนี้อาจยังไม่เหมาะนัก สำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาทยอยเก็บหุ้น ที่มีพื้นฐานดี เพื่อการลงทุนระยะยาว เพื่อหวังส่วนต่างของราคาหุ้น (Capital gain) แต่ถ้าไม่ซีเรียสมากนักที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงบ้าง ในอนาคตก็ไม่ควรรีรอครับ ถ้าเงินปันผลดีเพียงพอ (เสี่ยงนะครับ เพราะเงินปันผล ขึ้นอยู่กับผลประกอบการที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลง)

รูปที่ 2 เป้าหมายการปรับตัวของราคาทองคำโลก อยู่ที่ประมาณ 1,320 USD ในปีนี้

ในส่วนของกราฟราคาทองคำนั้น เปรียบไปก็เหมือนหนังคนละม้วน ที่ยังวิ่งขึ้นไปสวนกระแสเศรษฐกิจโลก จนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สามารถวิ่งขึ้นไปทะลุหลัก 1,000 USD ได้อย่างไม่ยากเย็น และแถมยังจะสามารถปรับตัวขึ้นไปได้สูงขึ้นอีก (เป็นไปได้ที่จะสามารถไปแตะที่ 1,300 USD ในเวลาไม่นานมากนัก) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปแบบของการนับคลื่นตามทฤษฎี Elliott wave แล้วนั้น กราฟราคาทองคำในตลาดโลก กำลังฟอร์มตัวเพื่อปรับไปเป็นคลื่น 5 ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการปรับตัวลงมาแรง ซึ่งนั่นหมายถึง ความล่มสลายของเศรษฐกิจในภาพรวมกันเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกัน ต้องรอดูที่ระดับ 1,015 USD ให้ดีก่อน หากยืนเหนือจุดนี้ได้ ให้เข้าถือสัญญา Long โดยมีเป้าหมายตามที่ได้ให้ไว้ในตอนต้น

หากต้องการหาอะไรลงทุนในช่วงนี้เพื่อฆ่าเวลา ผมอยากจะให้ลองเข้าไปลงทุนใน SET50 Index Futures ดู แต่นักลงทุนจะต้องใช้วิธี Multi-timeframe โดยเซตหน้าจอให้สามารถดู ณ ช่วงเวลา 5, 15 และ 60 นาที ตามลำดับ และใช้เครื่องมือวัดการแกว่ง (Li’s Sandwich) และเครื่องมือวัด Momentum (NextVIEW RSI) เพื่ออาศัยจังหวะเข้าถือสัญญา Long ณ ตำแหน่ง Overbought แรก (ในช่วงปรับตัวจากขาลง ไปเป็น ขาขึ้น โดยใช้ อินดิเคเตอร์ NextVIEW RSI) และทำสัญญา Long อีกครั้ง ณ ตำแหน่ง Oversold ที่ระดับ 30 (ควรศึกษาวิธีการให้ถ่องแท้ก่อน เพราะวิธีการนี้ จะขัดแย้งกับความรู้เดิม ที่หลายๆ คนใช้ในการเทรดในตลาดอยู่)

นอกจากนี้ ความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นนั้น ควรลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จำพวกบ้านเดี่ยว อันเนื่องมาจากแนวโน้มการปรับตัวลงของราคาบ้านอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ กอปรกับในช่วงนี้นโยบายของภาครัฐ ค่อนข้างสนับสนุนและเอื้อให้เกิดการซื้อขายที่สะดวกขึ้น แต่ในทางกลับกัน ไม่แนะนำให้ซื้อคอนโดมิเนียมไว้เก็งกำไร เนื่องจากมีภาวะความเสี่ยงจาก อุปสงค์เทียม ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีกที่น่าสนใจในการศึกษาเพื่อเข้าไปลงทุนหากนักลงทุนหรือผู้สนใจทั่วไปต้องการคำแนะนำด้านการลงทุนอย่างละเอียด สามารถสำรองที่นั่งเพื่อเข้าฟังการสัมมนา “ลงทุนอย่างไรในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ทางเลือก ทางรอด ในช่วงวิกฤต ปี 2009” วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2552 เวลา 08.00-17.00 น. ณ โรงแรมอะเดรียติค พาเลซ (ตรงข้ามอาคารวานิช ฝั่งถนนวิทยุ) บรรยายไทย โดยวิทยากรชื่อดังระดับโลก อ.ดอน เชลเลนเบิร์ก ผู้ก่อตั้ง “มาสเตอร์มันนี่ เทรดเดอร์ส” ผู้ซึ่งได้รับเชิญไปบรรยายมากที่สุดคนหนึ่งในเอเชีย

นักลงทุน ผู้ที่อยู่ในธุรกิจนำเข้า-ส่งออก และผู้สนใจทั่วไป สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 02-627-3360-2 (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
กำลังโหลดความคิดเห็น