บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดทางเลือกลงทุนรับกระแสตื่นทอง เสนอขายกองทุนเปิด "I-GOLD" เน้นลงทุนในดัชนีซื้อขายทองคำในฮ่องกง ชูจุดขายป้องกันความเสี่ยงค่าเงินแบบไดนามิก 25% ของพอร์ต พร้อมเปิดทางให้ผู้ขายหน่วยคืน เลือกรับเป็นเงินสดหรือเป็นทองคำ เสนอขายไอพีโอแล้วถึงวันที่ 4 มี.ค.นี้ ส่วนแนวโน้มราคาทองคำ นักวิเคราะห์ทั่วโลกมองไตรมาส 2 มีโอกาสขยับขึ้นต่อ ด้านออสสิริสคาดราคาเฉลี่ยทั้งปี 880 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) ระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์- 4 มีนาคม 2552 นี้ โดยกองทุน I-GOLD จะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่มีนโยบายลงทุนในทองคำแท่ง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง บริหารจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC เพียงกองทุนเดียว โดยมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับราคาทองคำมากที่สุด
สำหรับกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุน Exchange Traded Fund ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีการลงทุนในทองคำอยู่ 1,008 ตัน และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งได้แก่นิวยอร์ก โตเกียว ฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่ที่บริษัทเลือกกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเพราะอยู่ใน Time Zone เดี่ยวกันกับไทย ทำให้นักลงทุนสามารถติดตามการลงทุนได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ ค่าเงินฮ่องกงยังผูกติดกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีทิศทางการเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน บริษัทจึงสามารถบริหารความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนได้ง่ายกว่า เพราะจะติดตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกับค่าเงินบาทเท่านั้น โดยปกติจะทำการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 25% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน แต่ต้องดูสถานการณ์ของตลาดประกอบด้วย กองทุน I-GOLD บริษัทจะดูแลในเรื่องความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุน แต่ในส่วนความเสี่ยงในเรื่องของราคานักลงทุนต้องบริหารจัดการด้วยตัวเอง
นายพิชิต กล่าวว่า กองทุน I-GOLD เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความเข้าใจความเสี่ยงจากการลงทุนในทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนยังสามารถทำกำไรจากการปรับตัวขึ้นและลงของราคาทองคำในระยะสั้น และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน เนื่องจากค่าความสัมพันธ์ของราคาทองกับตราสารทุนหรือตราสารหนี้มีค่าต่ำ นอกจากนี้ เชื่อมั่นว่าทางเลือกใหม่นี้จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสู้กับสภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ชะลอตัวได้ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีราคามาตรฐานสากล มีสภาพคล่องสูง มีความมั่นคง เหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และใช้ลงทุนเพื่อลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อได้
ทั้งนี้ หลังจากการเปิดเสนอขายครั้งแรก บลจ.เอ็มเอฟซีจะเปิดซื้อขายทุกวันทำการ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ ในการขายคืนกองทุน I-GOLD ยังมีบริการพิเศษให้กับนักลงทุน โดยสามารถแสดงความจำนงที่จะให้บริษัทจัดการนำเงินจากการไถ่ถอนหน่วยลงุทนไปซื้อทองคำแท่งของบริษัทออสสิริส ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายทองคำแท่งของไทยซึ่งมีประสบการณ์มากว่า 70 ปี สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่ทำการรับฝากทองคำของ บลจ.เอ็มเอฟซี มีดังต่อไปนี้ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิยช์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี ธนาคารซิตี้แบงก์ ทุกสาขา และธนาคารออมสิน เฉพาะสาขาพหลโยธินเท่านั้น
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า กองทุนเปิด I-GOLD มีจุดที่แตกต่างกับกองทุนทองคำที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยกองทุนเปิด I-GOLD จะมีการดูแลในเรื่องความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุนในลักษณะของ Dynamic Hedging เฉลี่ย 25% ของสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ในขณะที่กองทุนทหารไทยโกลด์ฟันด์ (TMBGOLD) ของบลจ.ทหารไทยไม่มีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุน ส่วนกองทุนเปิดเคโกลด์ (K-GOLD) ของบลจ.กสิกรไทยมีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ลงทุนทั้งจำนวน
“จุดเด่นของกองทุนเปิด I-GOLD ผู้ลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนโดยเลือกรับเป็นเงินสดหรือทองคำแท่งของบริษัทออสสิริสก็ได้ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของกองทุน I-GOLD นี้ ซึ่งเชื่อว่ากองทุนเปิด I-GOLD จะเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะว่าจากมุมมองของนักวิเคราะห์ทั่วโลกต่างมองว่าราคาทองคำในไตรมาสที่2/52 จะสูงกว่าไตรมาสที่1/52 แม้ว่าในระยะสั้นราคาทองคำอาจจะมีการปรับฐานลงมาได้บ้างหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา”
นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวว่า ผู้ลงทุนในกองทุน I-GOLD เมื่อขายหน่วยลงทุนสามารถเลือกรับเป็นเงินสดหรือรับเป็นทองคำได้ โดยทองคำจะเลือกรับได้ 2 แบบ คือ 1) ทองคำ 99.99% น้ำหนัก 10 บาท และ 2) ทองคำ 96.5% น้ำหนัก 5 บาท และ 1 บาท เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง ปัจจุบันมุมมองของนักลงทุนทั่วโลกมองราคาทองคำเฉลี่ยอยู่ที่ 880 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยคนที่มองดีสุดมองราคาทองคำอยู่ที่ 1,073 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมองต่ำสุดที่ 720 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทั้งนี้หากมองจากต้นทุนการผลิตทองคำเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 620-680 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้ลดลงมาเหลือ 600-630 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงมามาก ตรงนี้น่าจะเป็นจุดรับพื้นฐานของราคาทองคำได้
“ในอนาคตบริษัทมีความสนใจที่จะร่วมทำธุรกิจกับบลจ.เอ็มเอฟซีเพิ่มเติมเพราะบลจ.เอ็มเอฟซีมีผลิตภัณฑ์กองทุนที่น่าสนใจอยู่มากมาย”
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล โกลด์ ฟันด์ (I-GOLD) เป็นกองทุนเปิด ซื้อขายหน่วยลงทุนทุกวัน ประเภทกองทุนรวมหน่วยลงทุน เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทนุที่ลงทุนในทองคำแท่ง และสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำโดยบริหารจัดการโดย World Gold Trust Services , LLC เพียงกองทุนเดียว ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ตามสภาวะการณ์