xs
xsm
sm
md
lg

สังคมกองทุนรวม หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน ฉบับประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผ่านพ้นมา 11 เดือนแล้ว ประเทศไทยของเราก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งไม่แพ้ชาติอื่นๆ หรือบทเรียนจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อครั้งปี 2540 ดูจะเป็นบทเรียนสอนใจที่สำคัญให้กับภาคเอกชน และสถานบันการเงินต่างๆได้ดี เพราะแม้ดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยจะปรับตัวลดลงอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดเหมือนราคาน้ำมัน จนใครหลายต่อหลายคนต้องเจ็บตัว เจ็บเงินไปมาก แต่โดยภาพรวม 11 เดือนที่ผ่านมานี้เรายังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกน้อยกว่าคนอื่นเขา
 
อย่างไรก็ตามหากใครได้เคยลองไปนั่งฟังสัมนาของบรรดาเกจิอาจารย์ด้านการเงินการลงทุนชื่อดังๆ มาบ้างจะพบหลายสิ่งที่ให้คำตอบคล้ายกันนั่นคือ เศรษฐกิจมีลุ้นจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังของปี 2552 และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ประเทศไทยไม่มีทางล้มพับเหมือนเมื่อปี 2540 แน่
 
ทั้งนี้เพราะด้วยฐานะเงินทุนที่มีเหลือเฟือ ดูได้จากบรรดาแบงก์ที่ยังแห่ระดมดูดเงินเข้าบัญชีเงินฝากไม่เลิก หนี้สินต่อทุนของบรรดาบริษัทต่างๆที่มีอยู่ในระดับต่ำขณะนี้น่าจะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพียงพอที่จะค้ำยันไม่ให้เศรษฐกิจไทยต้องล้มครืนเหมือนที่ผ่านมา ...... อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังต้องอาศัยปัจจัยบวกในเด้านอื่นๆเข้ามาเสริมด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอกประเทศ
 
 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้จัดสัมนาที่น่าสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุนทางเลือก ซึ่งมีการให้ความเห็นถึงความมั่นคงทางฐานการเงินของประเทศ และช่องทางการลงทุนใหม่ที่ยังให้ผลตอบแทนได้ในระดับที่ดีและมากกว่าผลตอบแทนตราสารหนี้ ที่มีผู้จัดการกองทุนอย่าง โชติกา สวนานนท์แห่งค่ายทหารไทย และ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิค่ายไทยพาณิชย์ มาให้ความเห็นด้านล่างที่นั่งฟังสัมนา ยังมีบรรดาผู้จัดการกองทุนจากค่ายต่างๆเข้ามาร่วมรับฟังด้วยหลายแห่ง ที่ชัวร์100% ไม่มั่วนิ่มเพราะนั่งอยู่บริเวณโซนด้านหน้า ก็คือ ธีรพันธุ์ จิตตาลานหัวเรือใหญ่ของค่ายนครหลวงไทย ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ขณะที่อีกราย บิ๊กบอสจากค่าย บลจ.วรรณ สมจินต์ ศรไพศาลก็มาร่วมด้วยช่วยฟังเช่นกัน ที่แน่ๆเห็นทีต้องจับตาดูทั้ง 2 ค่ายนี้ไว้บ้าง เพราะอาจจะมีกองทุนรูปแบบใหม่ออกมาให้ยลโฉมกันในเร็วๆนี้
 
สำนักงานก.ล.ต.ประกาศไฟเขียวให้กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) สำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุนเกิน5ปี สามารถทำการขายคืนหน่วยได้แล้วในทุกวันทำการ ไม่ปิดล็อกทางออกเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแน่ แต่ขอไหว้วานครั้งหลังออกมาให้เห็นเร็วกว่านี้หน่อยก็คงจะดี อย่างไรก็ตามเพื่อตอบรับและเพิ่มความสะดวก สบายให้กับลูกค้า สมาคมบริษัทจัดการลงทุนที่นำโดยท่านนายกสมาคม วรวรรณ ธาราภูมิ ก็ได้ออกมาประกาศวันเริ่มมีผลของประกาศดังกล่าวให้ผู้ที่ชื่นชอบกองทุนแอลทีเอฟได้รับทราบกันแล้ว นั่นคือจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551นี้เอง
 
 ส่วนในเรื่องการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีของกองทุนแอลทีเอฟ และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) จาก 5แสนบาท เป็น 7 แสนบาท ซึ่งผลบังคับใช้ชั่วคราวจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมนั้น ถ้าเป็นไปได้ขอรบกวนทางก.ล.ต. หรือทางสมาคมบลจ. จะฝ่ายไหนก็ได้ออกมาชี้แจงให้ฟังด้วยสักนิดเถิดว่า การขยายวงเงินในครั้งนี้....มีคนเข้าร่วมโครงการเท่าใด เม็ดเงินมีขนาดไหน ....อยากรู้จังเลย!!!!!!
 
สุดท้ายนี้ใกล้วันพ่อแล้ว คุณเตรียมตัวจะทำอะไรให้คุณพ่อของคุณบ้าง นี่ก็เตรียมเก็บเล็กผสมน้อยเอาไปซื้อเสื้อใหม่ให้ท่านไว้ใส่ฉลองรับปีใหม่แล้ว ส่วนของขวัญชิ้นใหญ่ที่จะให้นอกเหนือจากนี้ คงจะเป็นความสามัคคีของลูกๆทุกคนที่ยังแน่นแฟ้น เพื่อให้คุณพ่อได้สบายใจ เวลานั่งทานข้าวด้วยกันจะได้ไม่ปวดหัวเสียที และที่พิเศษสุดนอกเหนือจากของขวัญที่เป็นความสมัครสมานแล้ว อีกเรื่องคงจะหนีไม่พ้น การร่วมแรงร่วมใจจัดการคนโกงกินแผ่นดิน เห็นแต่ประโยชน์ของตนมากกว่าประเทศชาติ จนถึงต้องนำพื้นที่บางส่วนไปใส่พานถวายให้เพื่อนบ้าน...ออกไปเสียให้ได้ แต่ก็คงต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะรู้สึกพวกนี้จะเป็นพวกประเภท ราดน้ำไล่ยังไม่ยอมลงคอห่าน......เลย ซึ่งเมื่อทำได้สำเร็จ...เชื่อว่าแผนเก็บเงินซื้อทีวีใหม่ แทนเครื่องเดิมให้คุณพ่อน่าจะต้องยุติลงไปด้วย เพราะท่านคงจะได้ไม่ต้องเปิด ASTV ตลอด 24 ชม. แบบทีวีเจ๊ง...เป็นเจ๊ง...อีกแล้ว

“ต้นกล้า”
กำลังโหลดความคิดเห็น