คอลัมน์ เกร็ดธุรกิจ
อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
กรรมการผู้จัดการ
ออคิด สลิงชอท
www.orchidslingshot.com
apiwut@riverorchid.com
หลายคนในตอนนี้คงเป็นมืออาชีพในการเป็นผู้จัดการอยู่แล้ว ในขณะเดียวก็มีอีกหลายคนที่กำลังจะได้ขึ้นตำแหน่งมาเป็นผู้จัดการ สำหรับคนที่กำลังจะขึ้นมา คงจะนึกหวั่นๆอยู่ไม่น้อยว่า ตัวเรานี้จะขึ้นมาเป็นผู้จัดการที่ดีได้หรือไม่ ในขณะที่คนที่เป็นมืออาชีพแล้ว ก็ยังอาจจะต้องพัฒนาทักษะที่มีให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ผมมีข้อแนะนำ 9 อย่างสำหรับการเป็นผู้จัดการที่ดี ซึ่งผู้จัดการไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่าก็สามารถนำไปใช้ได้ มือใหม่อาจจะต้องใช้เวลามากหน่อยในการพัฒนาทักษะทั้ง 9 อย่างนี้ ในขณะที่มือเก่าอาจจะทำไปแล้วบางอย่างและเหลืออีกเพียงไม่กี่อย่างที่ต้องทำเพิ่มเติม แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องเริ่มทำให้วันนี้ ถ้าคุณต้องการเป็นผู้จัดการที่ดี
9 สิ่งที่ผมจะแนะนำในการเป็นผู้จัดการที่ดีนี้ ประกอบไปด้วย
การคัดสรรและเลือกคนที่ดีที่สุดมาร่วมทีม
ในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการ ความสามารถของคุณที่จะทำงานได้ดีมากน้อยเพียงใด ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของลูกทีมเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงานของคุณ คุณจำเป็นต้องหาคนที่มีทักษะและความสามารถในงานนั้นๆมาช่วยคุณด้วย โดยจุดเริ่มต้นของการได้ลูกทีมที่ดี คือการคัดสรรและเลือกคนที่เหมาะสมมาร่วมทีม ซึ่งการคัดสรรในเบื้องต้นอาจไม่ยากอย่างที่คิด สิ่งที่คุณต้องทำเริ่มจากการระบุออกมาให้ได้ว่า งานที่จะให้ทำนั้นต้องการทักษะและความสามารถลักษณะใด จับคู่ความสามารถที่คุณต้องการกับใบสมัครที่คุณมี จากนั้นนำกลุ่มคนที่ได้รับการคัดสรรในเบื้องต้นมาทำแบบทดสอบต่างๆ เพื่อค้นหาความสามารถที่แท้จริง ก่อนจะสอบสัมภาษณ์ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งนับได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด ซึ่งประสบการณ์เท่านั้นจะช่วยสอนคุณว่า ควรจะสัมภาษณ์อย่างไรเพื่อให้ได้คนที่ถูกต้อง
การเป็นผู้สร้างแรงจูงใจ
คนส่วนมากจะทำอะไรบางอย่างเพราะเขาต้องการจะทำ แต่บางครั้งคนเราก็จำเป็นที่จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพียงเพราะเขาไม่ต้องการที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ไม่ทำ
ดังนั้น การที่คนๆหนึ่งจะทำงานได้ดี จำเป็นจะต้องมีสิ่งที่สร้างแรงจูงใจให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ชื่อเสียง หรือการยอมรับ และในทางกลับกันบางกรณีก็ต้องอาศัยสิ่งที่สร้างแรงจูงใจไม่ให้ทำ เช่น การลงโทษ ประกอบด้วย คุณต้องหาให้ได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่สร้างแรงจูงใจให้กับลูกทีมของคุณ แล้วจงใช้สิ่งนั้นสร้างแรงกระตุ้นในการทำงานให้กับเขา
การสร้างทีมงานที่ดี
การสร้างแรงกระตุ้นเพียงอย่างเดียวให้กับลูกทีมนั้น ยังไม่เพียงพอต่อการทำงานที่ดีของตัวคุณเอง อย่าลืมว่า คำว่าทีมหมายถึงกลุ่มคนที่มีจำนวนมากกว่า 1 คนขึ้นไปมารวมกัน งานของทีมจะออกมาดีและไปถึงเป้าหมายของทีมได้นั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนภายในทีม
เป้าหมายของทีม ไม่ได้เป็นอะไรที่คนๆเดียวสามารถทำได้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เรียกว่าเป้าหมายของทีม ในฐานะผู้จัดการ คุณจำเป็นจะต้องทำให้คนที่อยู่ภายในทีมมีความสามัคคีและเข้าใจเป้าหมายร่วมกัน เพื่อความสำเร็จของทีม
การเป็นผู้นำ
แม้คุณจะทำทั้ง 3 อย่างข้างต้นไปแล้ว แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าคุณไม่สามารถเป็นผู้นำของทีมได้ ทีมที่มีความสามารถและความมุ่งมั่น จะไม่ใช่ทีมที่ดีหากไม่มีแนวทางและเป้าหมายที่ดี
ความสามารถในการเป็นผู้นำที่ดีจะเป็นจุดแบ่งแยกของคนที่เป็นหัวหน้างานกับคนทำงานในทีม ผู้นำที่ดีจะต้องรู้ว่าตนเองต้องการอะไรและสามารถบอกคนอื่นได้ว่าต้องทำอะไร ผู้นำที่ดีต้องทำการบ้านของตนเอง และต้องทำตัวเป็นตัวอย่างของลูกทีม และสุดท้ายคือ ผู้นำที่ดีต้องเรียกร้องเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดจากลูกทีมและในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกทีมให้ดีที่สุดด้วย
การสื่อสารที่ลงตัว
ทักษะหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้จัดการที่ดี คือทักษะด้านการสื่อสาร อย่าลืมว่า ทีมจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนเป็นหัวหน้าทีมเป็นหลัก ถ้าคนที่เป็นหัวหน้าทีมไม่สามารถสื่อสารวิสัยทัศน์ของทีมออกมาได้อย่างชัดเจนแล้ว คนในทีมก็คงไม่สามารถทำงานให้ได้ตามที่คุณคิดเพราะเขาไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร
ทักษะการสื่อสารเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนถึงจะได้มา มีหลักสูตรมากมายที่สอนด้านการพัฒนาการสื่อสาร คุณสามารถที่จะไปศึกษาเพิ่มเติมได้จากหลักสูตรเหล่านั้น แต่สำหรับตอนนี้ หนึ่งในเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ผมพอจะแนะนำคุณได้ คือการสื่อสารเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เทคนิคง่าย ๆ คือ เมื่อสื่อสารเรื่องใดแล้ว อย่าลืมให้เขาทวนความเข้าใจด้วย อย่าถามแค่ว่า “เข้าใจไหม” แต่ให้ถามว่า “เข้าใจอย่างไร”
การบริหารเงิน
ในการที่องค์กรแต่ละองค์กรจะคงอยู่ในธุรกิจได้นั้น จำเป็นจะต้องหารายได้ให้มากกว่ารายจ่าย และแน่นอนว่า คุณในฐานะที่เป็นผู้จัดการก็จำเป็นต้องช่วยบริหารเงินให้กับองค์กรเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าทีมของคุณทำงานเกี่ยวกับด้านใดขององค์กร มีความเกี่ยวข้องกับรายรับหรือเกี่ยวข้องกับรายจ่าย
ถ้าทีมของคุณเป็นทีมที่เกี่ยวข้องกับการขาย แน่นอนว่ารายรับขององค์กรย่อมขึ้นอยู่กับทีมคุณเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่า รายจ่ายขององค์กรจะไม่เกี่ยวข้องกับทีมของคุณเลย อย่างไรเสียทีมของคุณก็ยังคงต้องช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายเช่นกัน แม้ว่าเป้าหมายในการเพิ่มยอดขายจะเป็นเป้าหมายหลักก็ตาม
แต่หากทีมของคุณเป็นทีมที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นบัญชี ทรัพยากรบุคคล หรือบริหารภายใน รายจ่ายขององค์กรอาจจะเป็นสิ่งที่ทีมของคุณจะมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการของทีมไหน การบริหารเงินถือเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่ง
การบริหารเวลา
อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้การบริหารเงิน คือการบริหารเวลา ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเวลาของคุณเองหรือบริหารเวลาให้กับทีม เพราะเวลาเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ การบริหารเวลาที่ดีจะช่วยให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
การบริหารเวลาที่ดี เริ่มจากการจัดลำดับความเร่งด่วนและความสำคัญในงานแต่ละชิ้นของคุณให้ได้ก่อน ทำในสิ่งที่เร่งด่วนและสำคัญที่สุดก่อน จากนั้นจึงทำในสิ่งที่สำคัญแต่ไม่ด่วน แล้วจึงทำในสิ่งที่ด่วนแต่ไม่สำคัญ และสุดท้ายจึงค่อยทำสิ่งที่ไม่สำคัญและไม่ด่วนเป็นอันดับสุดท้าย
การพัฒนาตนเอง
อย่าคิดแต่ว่างานจะสำเร็จได้ด้วยทีมงานที่ดีเท่านั้น ปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จของทีมงาน คือตัวหัวหน้างานเอง การพัฒนาตนเองจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
เริ่มต้นจากการค้นหาตัวเราเองก่อนว่า เรามีอะไรเป็นจุดเด่นและมีอะไรเป็นจุดอ่อน พัฒนาในสิ่งที่จำเป็นและเป็นจุดอ่อนของเราก่อน แค่คุณอ่านบทความนี้ก็เห็นได้อย่างหนึ่งแล้วว่า คุณมีเป้าหมายที่จะพัฒนาตนเอง (จริงมั้ย ?) เพียงแต่คุณต้องลงมือในการพัฒนาด้วย...ไม่ใช่แค่อ่านเท่านั้น !
การผ่อนคลายตนเอง
การผ่อนคลายตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญ คนที่มีความเครียดมากๆ จะทำงานได้ประสิทธิภาพน้อย เพราะด้วยความเครียด คุณจะมีความอดทนลดลงและจะหงุดหงิดใส่คนอื่นได้ง่ายขึ้น แล้วใครล่ะอยากจะทำงานกับคนขี้โมโห...ใช่ไหม
พักสักนิด ชาร์จแบตเตอรี่ของคุณใหม่ ถ้าคุณไม่เครียดแล้ว งานของคุณจะเดินได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น อย่าคิดว่าการพักเป็นการเสียเวลา เพราะประสิทธิภาพในการทำงานจะดียิ่งขึ้นหลังการพัก และนั่นจะช่วยชดเชยให้กับเวลาที่คุณเสียไป หัวเราะเยอะๆ และปล่อยตัวตามสบายบ้าง...อย่าซีเรียสมากเกินไป
...การเป็นผู้จัดการที่ดีนั้นเราสามารถเรียนรู้ได้ การพัฒนาเริ่มจากการทำทุกวัน ผมอยากแนะนำให้เริ่มทำทีละอย่างสองอย่าง ไม่ช้า คุณก็จะเป็นผู้จัดการที่ดียิ่งๆ ขึ้นได้ในที่สุด