"บลจ.ยูโอบี (ไทย)" ขายกองโรลโอเวอร์ 2 กองทุนบอนด์ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝาก เปิดขายวันนี้ – 7 พ.ย.นี้ มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนรอบใหม่ (โรลโอเวอร์) กองทุนตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน ได้เเก่ กองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 (UOB Protect 3M3) มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้น เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และเงินฝาก อายุประมาณ 3 เดือน และกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม 2 (UOB Protect 6M2) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้นที่มีนโยบายเช่นเดียวกัน แต่มีระยะลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยทั้งสองกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ (3 พ.ย.) – วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน พันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝาก หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ที่มีวันครบกำหนดอายุตราสารภายใน หรือใกล้เคียงกับรอบการเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 3 เดือน) แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ,ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives)
โดยสัดส่วนการลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 100.05% สินทรัพย์อื่นๆ -0.05% โดยรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ได้แก่ พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 100.05%
ขณะที่ผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.96% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.23% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.78% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.17% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.75% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.14% ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.42% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.85% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.76% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.15%
ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม 2 จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกันพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝาก หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ที่มีวันครบกำหนดอายุตราสารภายใน หรือใกล้เคียงกับรอบการเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 6 เดือน) แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ,ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives)
สำหรับสัดส่วนการลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 100.13% สินทรัพย์อื่นๆ -0.13% โดยรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ 0.00% ,พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 100.13%
ผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.01% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.08% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.63% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.09% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.79% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.21% ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.40% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.94% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.76% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.10%
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนรอบใหม่ (โรลโอเวอร์) กองทุนตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน ได้เเก่ กองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 (UOB Protect 3M3) มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้น เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และเงินฝาก อายุประมาณ 3 เดือน และกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม 2 (UOB Protect 6M2) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้นที่มีนโยบายเช่นเดียวกัน แต่มีระยะลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยทั้งสองกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ (3 พ.ย.) – วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 3 เอ็ม 3 จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน พันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝาก หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ที่มีวันครบกำหนดอายุตราสารภายใน หรือใกล้เคียงกับรอบการเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 3 เดือน) แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ,ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives)
โดยสัดส่วนการลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 100.05% สินทรัพย์อื่นๆ -0.05% โดยรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ได้แก่ พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 100.05%
ขณะที่ผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.96% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.23% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.78% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.17% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.75% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.14% ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.42% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.85% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.76% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.15%
ส่วนกองทุนเปิดยูโอบี โพรเทค 6 เอ็ม 2 จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกันพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝาก หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ที่มีวันครบกำหนดอายุตราสารภายใน หรือใกล้เคียงกับรอบการเปิดให้ทำการซื้อขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 6 เดือน) แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ,ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives)
สำหรับสัดส่วนการลงทุนของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 100.13% สินทรัพย์อื่นๆ -0.13% โดยรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ 0.00% ,พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 100.13%
ผลการการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 พบว่า มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.01% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.08% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.63% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.09% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.79% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.21% ย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 3.40% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.94% และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.76% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 2.10%
