เอเอฟพี - รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศในวันอาทิตย์(19) อัดฉีดสภาพคล่อง 10,000 ล้านยูโร (13,400 ล้านดอลลาร์ หรือ กว่า 4 55,000 ล้านบาท) ให้แก่ ไอเอ็นจี ธนาคารสัญชาติดัตช์ที่ถือเป็นยักษ์ใหญ่ระดับ 1 ใน 20 อันดับแรกของโลก ความเคลื่อนไหวคราวนี้บังเกิดขึ้นหลังจาก 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ รัฐบาลแดนกังหันลมก็ได้ใช้เงิน 16,800 ล้านยูโรเข้าอุ้มแบงก์ ฟอร์ติส ที่เป็นกิจการธนาคารและประกันภัยสัญชาติดัตช์-เบลเยียม
วูทเตอร์ บอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเนเธอร์แลนด์แถลงว่า การอัดฉีดสภาพคล่อง 10,000 ล้านยูโรให้แก่ ไอเอ็นจี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกตินั้น ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก และเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ระบบการเงินและสถาบันการเงินได้มากขึ้นในอนาคต
"รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตระหนักดีว่า การเข้าแทรกแซงระบบธนาคารพาณิชย์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ปกติเท่าไรนัก แต่ต้องตัดสินใจทำเนื่องจากรัฐบาลได้ให้คำมั่นต่อสาธารณชนไว้แล้วว่า จะดำเนินความพยายามทุกวิถีทางในการคุ้มครองผู้ฝากเงิน" รมว.คลังเนเธอร์แลนด์กล่าว
ไอเอ็นจี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์รวมคิดเป็นมูลค่าประมาณ 630,000 ล้านยูโร บรรลุข้อตกลงรับความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลังและธนาคารกลางของเนเธอร์แลนด์ หลังจากได้ประกาศต่อสาธารณชนเมื่อวันศุกร์(17)ว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อาจมียอดขาดทุนสุทธิถึง 500 ล้านยูโร อันเนื่องมาจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ในตลาดเงินโลก
ภายใต้ข้อตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลครั้งนี้ ไอเอ็นจี จะต้องใช้เงินคืนเป็นมูลค่า 150 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่ได้รับความช่วยเหลือ หรือไม่เช่นนั้นก็จะต้องออกหุ้นให้แก่รัฐบาลคิดเป็นมูลค่าเท่ากับยอดเงินดังกล่าว หลังครบเวลา 3 ปี
นอกจากนั้น ยังมีเงื่อนไขด้วยว่า ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารจะต้องไม่รับโบนัสประจำปี และจะรับค่าตอบแทนได้เป็นเงินไม่เกินยอดเงินเดือน 1 ปี ในกรณีที่ลาออกจากตำแหน่งหลังการรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล .
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 จุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีบอสได้ประกาศว่า รัฐบาลจะจัดงบประมาณไว้ 20,000 ล้านยูโร สำหรับการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงิน ทั้งนี้หลังจากได้เข้ารับประกันการกู้ยืมระหว่างธนาคารคิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านยูโรแล้ว เขากล่าวด้วยว่าในกรณีที่มีความจำเป็น รัฐบาลก็อาจพิจารณาเพิ่มวงเงินเสริมสภาพคล่องในตลาดได้อีก
ไอเอ็นจีเป็นกิจการธนาคารขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก โดยมีลูกค้าทั่วโลก 85 ล้านราย พนักงาน 130,000 คน เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมามียอดรายได้รวม 76,600 ล้านยูโร มีกำไรสุทธิ 9,240 ล้านยูโร
แบงก์แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกในด้าน "การธนาคารทางตรง" (direct banking) นั่นคือการใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเป็นตัวควบคุมดูแลบัญชีธนาคาร
วูทเตอร์ บอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเนเธอร์แลนด์แถลงว่า การอัดฉีดสภาพคล่อง 10,000 ล้านยูโรให้แก่ ไอเอ็นจี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกตินั้น ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก และเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ระบบการเงินและสถาบันการเงินได้มากขึ้นในอนาคต
"รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตระหนักดีว่า การเข้าแทรกแซงระบบธนาคารพาณิชย์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ปกติเท่าไรนัก แต่ต้องตัดสินใจทำเนื่องจากรัฐบาลได้ให้คำมั่นต่อสาธารณชนไว้แล้วว่า จะดำเนินความพยายามทุกวิถีทางในการคุ้มครองผู้ฝากเงิน" รมว.คลังเนเธอร์แลนด์กล่าว
ไอเอ็นจี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์รวมคิดเป็นมูลค่าประมาณ 630,000 ล้านยูโร บรรลุข้อตกลงรับความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลังและธนาคารกลางของเนเธอร์แลนด์ หลังจากได้ประกาศต่อสาธารณชนเมื่อวันศุกร์(17)ว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อาจมียอดขาดทุนสุทธิถึง 500 ล้านยูโร อันเนื่องมาจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ในตลาดเงินโลก
ภายใต้ข้อตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลครั้งนี้ ไอเอ็นจี จะต้องใช้เงินคืนเป็นมูลค่า 150 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่ได้รับความช่วยเหลือ หรือไม่เช่นนั้นก็จะต้องออกหุ้นให้แก่รัฐบาลคิดเป็นมูลค่าเท่ากับยอดเงินดังกล่าว หลังครบเวลา 3 ปี
นอกจากนั้น ยังมีเงื่อนไขด้วยว่า ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารจะต้องไม่รับโบนัสประจำปี และจะรับค่าตอบแทนได้เป็นเงินไม่เกินยอดเงินเดือน 1 ปี ในกรณีที่ลาออกจากตำแหน่งหลังการรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล .
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 จุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีบอสได้ประกาศว่า รัฐบาลจะจัดงบประมาณไว้ 20,000 ล้านยูโร สำหรับการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงิน ทั้งนี้หลังจากได้เข้ารับประกันการกู้ยืมระหว่างธนาคารคิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านยูโรแล้ว เขากล่าวด้วยว่าในกรณีที่มีความจำเป็น รัฐบาลก็อาจพิจารณาเพิ่มวงเงินเสริมสภาพคล่องในตลาดได้อีก
ไอเอ็นจีเป็นกิจการธนาคารขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก โดยมีลูกค้าทั่วโลก 85 ล้านราย พนักงาน 130,000 คน เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมามียอดรายได้รวม 76,600 ล้านยูโร มีกำไรสุทธิ 9,240 ล้านยูโร
แบงก์แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกในด้าน "การธนาคารทางตรง" (direct banking) นั่นคือการใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเป็นตัวควบคุมดูแลบัญชีธนาคาร
