xs
xsm
sm
md
lg

ซื้อทองคำหวังรวย..อย่าชะล่าใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“การผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกช่วงนี้ได้สร้างปัญหาความหนักใจให้แก่ร้านค้าทองและ นักลงทุนอย่างมาก เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าราคาทองในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักลงทุน ต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลภาวะตลาดและราคาทองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา”

เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นเสียแล้ว สำหรับการหาผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อในช่วงภาวะการลงทุนทั่วโลกที่มีการผันผวนจากวิกฤตการณ์ทางสถาบันการเงิน สหรัฐอเมริกา เพราะไม่มีผู้ใดที่ไม่ต้องการผลตอบแทนในระดับสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่า การลงทุนผ่านทองคำ เป็นวิธีที่เหมาะสม

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีการเติบโตตามการขึ้นราคาน้ำมัน โดยผู้เชี่ยวชาญในวงการลงทุนด้านต่างๆ ให้ความเห็นตรงกันว่าส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไรของบรรดากลุ่มทุนเฮดจ์ฟันด์ และเชื่อว่าจะมีการปรับตัวลดลงมา แต่ในช่วงไตรมาสแรกและต้นไตรมาสที่2 ราคาทองยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะราคาซื้อขายจะมีการปรับลดลงมาบ้างก็ตาม
อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายไตรมาส3 (ปลายเดือนสิงหาคม – กันยายน) จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาหลังจากแผลงฤทธิ์ขึ้นไปแตะใกล้ 14,000 บาท เหลือเพียงประมาณ 12,700 บาท

โดย เมื่อวันที่พุธที่ 17 กันยายนที่ผ่านมาจากวิกฤตเลห์แมน บราธอร์ส ในสหรัฐนักลงทุนต่างเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุนผ่านหุ้น และการลงทุนในค่าเงินสกุลดอลลาร์ ของพญาอินทรี จึงหันมาเก็บทองคำไว้ในมือทั้งในตลาดซื้อขายตรง และตลาดซื้อขายล่วงหน้าจนส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก โดยในส่วนของประเทศราคาของมีการปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 13,700 บาท ทำให้บรรดานักลงทุน ชาวบ้านทั่วไปต่างแห่กันนำทองออกมาขายเต็มทุกร้าน โดยเฉพาะย่านเยาวราช ที่บรรดาอาเฮีย อาเสี่ยต้องเบิกถอนเงินสดเป็นร้อยๆล้านออกมารองรัยการขายคืน เพื่อหวังฟันกำไรร่วม 1,000 บาทต่อน้ำหนักทอง 1 บาท

ทั้งนี้ แม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่โชคดีของผู้ที่ถือทอง และผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนประเภทนี้ แต่ในความโชคดีนี้ ก็มีความเสี่ยงที่ควรต้องเตรียมตัว เตรียมใจระวังไว้ให้พร้อมเสมอด้วย เพราะครั้งนี้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างโดดเดี่ยวไร้เพื่อนคู่กายที่เคยยืนเคียงข้างกันมาเสมอ ไม่ว่าจะลงหรือขึ้น นั่นคือ ราคาน้ำมัน ซึ่งปรับตัวลดลงสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสื่อให้เห็นได้ว่า นี่คือการลงทุนเพื่อเก็งกำไรล้วน ๆ

ขณะเดียวกัน เมื่อราคาทองมีความผันผวนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นที่มีผลเกี่ยวโยงกับเรื่องดังกล่สวก็ได้รับกระทบตามไปด้วย อาทิ กองทุนทองคำของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งล่าสุดมีบางค่ายได้ชะลอแผนการเปิดขายกองทุนดังกล่าวออกไปบ้างแล้ว

“การลงทุนทองคำในช่วงที่ราคาผันผวนจะมีความเสี่ยงสูง เพราะผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับราคาที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหากราคาลงก็จะทำให้เงินจมอยู่กับทอง จะแตกต่างจากเงินฝากหรือถือพันธบัตร ที่จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจ่ายให้ทุกปี ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังการลงทุนในทองคำช่วงนี้ด้วย”สุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้คำเตือน

เช่นเดียวกับ บุญเลิศ สิริภัทรวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออสสิริส จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายทองคำเพื่อการลงทุน ให้ความเห็นว่า กรณีการผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกช่วงนี้ได้สร้างปัญหาความหนักใจให้แก่ร้านค้าทองและ นักลงทุนอย่างมาก เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อนว่าราคาทองในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักลงทุน ต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลภาวะตลาดและราคาทองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลก เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือค่าเงินดอลลาร์-ราคาน้ำมันในตลาดโลก และภาวะเศรษฐกิจของโลก นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนว่าสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำในตลาดโลกเกิดจากสาเหตุใด และปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขหรือยัง
 
สำหรับความผันผวนของภาวะราคาทองคำในตลาดโลกขณะนี้ ผู้คร่ำหวอดในวงการรายนี้ให้เหตุได้อย่างน่าสนใจว่า เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในตลาดสหรัฐอเมริกา ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์และประชาชนจำนวนมากหันมาซื้อทองคำเพื่อเป็นหลุมหลบภัยทางการเงิน โดยเฉพาะเวียดนาม เดือนที่ผ่านมาเวียดนามประสบปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้กองทุนการเงินของเวียดนามออกมากว้านซื้อทองคำแท่งในตลาดโลกเป็นจำนวนมาก โดยมีปริมาณการสั่งซื้อทองคำมากกว่าอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราบริโภคทองคำสูงสุดในโลกเสียอีก

ส่วนสถานการณ์ในอนาคต นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำยังคงผันผวนต่อไป โดยอิงกับเศรษฐกิจสหรัฐ หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว ราคาทองคำจะทรงตัว แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแย่ลง ราคาทองคำก็จะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในวันที่ 27 กันยายนนี้ยังเป็นวันที่ครบกำหนดระยะเวลาการเทขายทองคำของธนาคารกลางยุโรปตามข้อตกลง "Central Bank"s Gold Agreement" ที่วางกฎเกณฑ์เอาไว้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2548 โดย เหตุผลที่ต้องมีข้อตกลงนี้ก็เพราะเกรงว่าถ้าปล่อยให้แต่ละธนาคารกลางเทขายทองคำได้อย่างเต็มที่ อาจส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนัก

ดังนั้นจึงมีเป็นไปได้ว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจเทขายทองคำออกมาก่อนวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งจะทำให้ราคาทองในตลาดโลกตกลงไปอีก หรืออาจ ไม่เทขายทองออกมาตามโควตาที่ได้รับ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจึงต้องการจะกันสำรองทองคำไว้ แต่เมื่อถึงเดือนตุลาคมเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากปัจจัยบวกในเรื่อง เทศกาลแต่งงานของชาวอินเดียซึ่งมีความต้องการใช้ทองคำจำนวนมาก หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเลือกตั้งสหรัฐซึ่งจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในสหรัฐ และต่อด้วยเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของคนเชื้อสายจีน (ตรุษจีน) ซึ่งนิยมซื้อทองคำ ทำให้มีแนวโน้มว่าในระยะยาวราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกครั้ง

ส่วนในเมืองไทย นอกเหนือจากองทุนทองคำแล้วดูเหมือนการซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่กำลังจะเข้ามาเป็นสินค้าใหม่ในตลาด TFEX ยังคงไม่มีอะไรสามารถไปหยุดยั้งความฝันของหลายหน่วยงานได้ที่ร่วมกันผลักดันได้ แม้จะต้องเลื่อนไปเปิดซื้อขายในต้นปีหน้าก็ตาม ทั้งนี้ต้องชมเชยความตั้งใจของตลาดTFEX กับความต้องการนำเสนอสินค้ารูปแบบใหม่ หรืออีกหนึ่งทางเลือกสู่นักลงทุน และเชื่อว่าจากสถานการณ์ราคาทองที่มีความผันผวนนี้ น่าจะเป็นประสบการณ์ และข้อมูลที่ดีให้แก่ผู้ควบคุมได้

สุดท้ายนี้ สิ่งที่นำเสนอยังหนีไม่พ้นคำเตือนในด้าน ความเสี่ยงจากการลงทุน ซึ่งผู้ที่คิดจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภททองคำเพียงอย่างเดียวคงต้องลองพิจารณาการลงทุนประเภทอื่นๆควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยลดย่อนความรุนแรงจากปัญหาขาดทุน หรือเรียกว่าหาวิธีให้ตัวเองเจ็บตัวน้อยที่สุดหากเกิดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง นอกจากนี้ต้องอย่าลืมว่าหากคุณไม่ได้เป็นนักลงทุนรายใหญ่ หรือนักลงทุนสถาบัน ข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก บางที่สิ่งที่คุณคิดว่าได้รับรู้มาก่อนใครแล้ว อาจจะล้าหลังหรือยังไม่ทันคนอื่น จนเมื่อเกิดแรงเทขายกระหน่ำลงมา ปล่อยขายทองออกไม่ทัน งานนี้คงต้องฝากไว้ที่คำว่า  “อย่าชะล่าใจ”

กำลังโหลดความคิดเห็น