กสิกรไทยหวังQ4 ยอด LTF – RMF เพิ่ม 5 พันล้าน ระบุนักลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนช่วงสิ้นปีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเดือนธันวาคม พร้อมชูกลยุทธ์เดินสายตามองค์กร และออกบูธเพิ่มความรับรู้ให้กับลูกค้ากระตุ้นยอดการลงทุน
นางสาวเอื้อพันธ์ เพ็ชราภรณ์ ผู้บริหารฝ่ายบริหารผู้ลงทุนและทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนในกองทุนรวม LTF และ RMF ช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้ามาซื้อ และขายหน่วยลงทุนหักลบกันแล้วอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนรวม LTF จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อหน่วยลงทุนมากกว่า เนื่องจากเป็นช่วงดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก
ทั้งนี้ เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทคงจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ โดยสถิติในปีที่ผ่านมายอดการลงทุน 4 เดือนสุดท้ายของปี 2550 จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม LTF ประมาณ 3,400 ล้านบาท และกองทุนรวม RMF จำนวน 1,800 ล้านบาท
“ยอดส่วนใหญ่จะมาช่วงปลายปี โดยเฉพาะเดือนธันวา เพราะปีที่แล้วแค่ธันวาเดือนเดียวยอดกระโดดขึ้นเป็น 10 เท่า ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะลงทุนในช่วงปลายปี เพื่อจะคำนวณรายได้ และรอเงินโบนัสก่อนว่าจะต้องลงทุนเท่าไร เขาไม่สนใจเรื่องหุ้นมากนัก เพราะมันขึ้นลงทุกวัน แต่จะใช้สิทธิ์ทางภาษีมากกว่า”นางสาวเอื้อพันธ์กล่าว
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้บริษัทคาดว่าการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทน่าจะไม่น้อยกว่าปีที่แล้วคือ 5,000 ล้านบาท ซึ่งสถาการณ์ตลาดหุ้นขณะนี้คงจะไม่มีผลมากนัก เพราะนักลงทุนยังมองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ การขยายวงเงินลงทุนได้มากขึ้นจาก 3 แสนบาท เป็น 5 แสนบาทในปัจจุบันน่าจะช่วยกระตุ้นยอดลงทุนในกองทุน 2 ประเภทนี้ได้มากขึ้น แต่จะเพิ่มมากขึ้นขนาดไหนต้องแล้วแต่บลจ.ว่าจะสามารถเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มนี้มากน้อยขนาดไหน
สำหรับการทำการตลาดของบริษัทนั้น จะเน้นให้ความรู้แก่นักลงทุน โดยในไตรมาสสุดท้ายของทุกปีบริษัทจะทำการเดินสายให้ความรู้แก่พนักงานในองค์กรต่างๆ เพื่อให้หันมาสนใจลงทุนเพื่ออนาคตมากขึ้น และในปัจจุบันลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นคนในระดับกลางอีกด้วย
“ลูกค้าของเราจะอยู่ในระดับกลาง ซึ่งเราจะเดินสายให้ความรู้ตามองค์กรต่างๆ โดยคนพวกนี้เขาจะอยู่ในกองสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว แต่เมื่อมีสิทธิ์ทางภาษีเขาก็หันมาลงทุนในกองพวกนี้ด้วย”นางสาวเอื้อพันธ์
อย่างไรก็ตาม นอกจากบริษัทจะเดินสายให้ความรู้ตามองค์กรแล้ว การออกบูธภายในงานต่างๆ ถือเป็นช่องทางการสร้างความรับรู้อีกทางหนึ่ง ซึ่งน่าจะเข้าถึงบุคคลที่มีอาชีพอิสระได้มากกขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมประชาชนจะเริ่มรู้แล้วว่า กองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้คืออะไร และทำอะไรได้บ้าง
อนึ่ง กองทุนรวมหุ้นระยะยาวภายใต้การดูแลของบลจ.กสิกรไทย จะมีอยู่ด้วยกัน 6 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดเคซี 20 เล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิด สตราทีจิค ดีเฟ็นซีฟหุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว และกองทุนเปิด โกรทหุ้นระยะยาวปันผล
ขณะที่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจะมีอยู่ 6 กองทุนเช่นกันได้แก่ กองทุนเปิดเค บริหารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค บาลานซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ
นางสาวเอื้อพันธ์ เพ็ชราภรณ์ ผู้บริหารฝ่ายบริหารผู้ลงทุนและทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนในกองทุนรวม LTF และ RMF ช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้ามาซื้อ และขายหน่วยลงทุนหักลบกันแล้วอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยกองทุนรวม LTF จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้าซื้อหน่วยลงทุนมากกว่า เนื่องจากเป็นช่วงดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก
ทั้งนี้ เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทคงจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ โดยสถิติในปีที่ผ่านมายอดการลงทุน 4 เดือนสุดท้ายของปี 2550 จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม LTF ประมาณ 3,400 ล้านบาท และกองทุนรวม RMF จำนวน 1,800 ล้านบาท
“ยอดส่วนใหญ่จะมาช่วงปลายปี โดยเฉพาะเดือนธันวา เพราะปีที่แล้วแค่ธันวาเดือนเดียวยอดกระโดดขึ้นเป็น 10 เท่า ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะลงทุนในช่วงปลายปี เพื่อจะคำนวณรายได้ และรอเงินโบนัสก่อนว่าจะต้องลงทุนเท่าไร เขาไม่สนใจเรื่องหุ้นมากนัก เพราะมันขึ้นลงทุกวัน แต่จะใช้สิทธิ์ทางภาษีมากกว่า”นางสาวเอื้อพันธ์กล่าว
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้บริษัทคาดว่าการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทน่าจะไม่น้อยกว่าปีที่แล้วคือ 5,000 ล้านบาท ซึ่งสถาการณ์ตลาดหุ้นขณะนี้คงจะไม่มีผลมากนัก เพราะนักลงทุนยังมองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ การขยายวงเงินลงทุนได้มากขึ้นจาก 3 แสนบาท เป็น 5 แสนบาทในปัจจุบันน่าจะช่วยกระตุ้นยอดลงทุนในกองทุน 2 ประเภทนี้ได้มากขึ้น แต่จะเพิ่มมากขึ้นขนาดไหนต้องแล้วแต่บลจ.ว่าจะสามารถเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มนี้มากน้อยขนาดไหน
สำหรับการทำการตลาดของบริษัทนั้น จะเน้นให้ความรู้แก่นักลงทุน โดยในไตรมาสสุดท้ายของทุกปีบริษัทจะทำการเดินสายให้ความรู้แก่พนักงานในองค์กรต่างๆ เพื่อให้หันมาสนใจลงทุนเพื่ออนาคตมากขึ้น และในปัจจุบันลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นคนในระดับกลางอีกด้วย
“ลูกค้าของเราจะอยู่ในระดับกลาง ซึ่งเราจะเดินสายให้ความรู้ตามองค์กรต่างๆ โดยคนพวกนี้เขาจะอยู่ในกองสำรองเลี้ยงชีพอยู่แล้ว แต่เมื่อมีสิทธิ์ทางภาษีเขาก็หันมาลงทุนในกองพวกนี้ด้วย”นางสาวเอื้อพันธ์
อย่างไรก็ตาม นอกจากบริษัทจะเดินสายให้ความรู้ตามองค์กรแล้ว การออกบูธภายในงานต่างๆ ถือเป็นช่องทางการสร้างความรับรู้อีกทางหนึ่ง ซึ่งน่าจะเข้าถึงบุคคลที่มีอาชีพอิสระได้มากกขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมประชาชนจะเริ่มรู้แล้วว่า กองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้คืออะไร และทำอะไรได้บ้าง
อนึ่ง กองทุนรวมหุ้นระยะยาวภายใต้การดูแลของบลจ.กสิกรไทย จะมีอยู่ด้วยกัน 6 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดเคซี 20 เล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิด สตราทีจิค ดีเฟ็นซีฟหุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว และกองทุนเปิด โกรทหุ้นระยะยาวปันผล
ขณะที่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจะมีอยู่ 6 กองทุนเช่นกันได้แก่ กองทุนเปิดเค บริหารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค บาลานซ์เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ