ชีวิตไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไป คำกล่าวนี้เป็นจริงอย่างมาก ไม่มีอะไรที่
จะได้มาง่าย ๆ และไม่ต้องเจ็บปวด หลายครั้งในชีวิตคนเราก็มีสิ่งที่เราไม่ได้คาดฝันมาตั้งมากมาย ซึ่งถ้าเราไม่ตั้งสติไว้ดี ๆ ก็อาจจะพบว่า แทบล้มทั้งยืนเมื่อต้องพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด หรืออุบัติเหตุของชีวิต เราลองพิจารณากันดี ๆ จะพบว่า สิ่งเหล่านั้นจะแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ได้แก่
ประการแรก ได้แก่เรื่องที่ไม่สามารถทำประกันเอาไว้ได้ เช่น การแต่งงาน การหย่าร้าง การตกงาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เราอาจรู้ได้ แต่เราก็ไม่สามารถซื้อประกัน ตัวอย่างเช่น ไม่สามารถซื้อประกันชีวิตการแต่งงานของเราได้ว่าจะยั่งยืน หรือ การจากไปของคู่สมรสก่อนวัยควร ทิ้งให้เราต้องต่อสู่อย่างเดียวดาย โดยไม่มีเงิน หรือการที่บริษัทมีจ้างเรามีเหตุทำให้ต้องยุบเลิกงาน หรือบริษัท ทำให้เราสูญเสียงานที่เรารัก และไม่มีเงินเดือน สิ่งเหล่านี้ เราไม่อาจซื้อประกันเอาไว้ได้ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เงินเพื่อทำให้เราต้องมีชีวิตต่อไป
ประการที่สอง ได้แก่เรื่องที่เราสามารถป้องกันหรือทำประกันไว้ได้ เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันชีวิต ประกันรถยนต์ ประกันการทุพพลภาพ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เราสามารถทำการลงทุนชำระเบี้ยประกัน เพื่อเป็นการบรรเทา หรือทุเลาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างไม่ยาก หลายคนยังไม่เห็นประโยชน์ของการทำประกัน แต่คนที่เข้าใจและได้รับการบริการที่ดีจากตัวแทนและบริษัทที่ซื่อตรงให้ข้อมูลครบถ้วน และตัวเองก็ศึกษาจนเข้าใจแล้ว มักจะได้รับประโยชน์จากการประกันความไม่แน่นอนเอาไว้ล่วงหน้า
อุบัติเหตุชีวิต เกิดขึ้นได้กับทุกคนอย่างไม่คาดคิด ดังนั้นถ้าเราคิดได้ว่า อุบัติเหตุมักจะเกิดเป็น 2 รูปแบบ เราก็ควรวางแผนเพื่อรับมือการความไม่แน่นอนดังกล่าวไว้ให้ดี เพื่อไม่ให้ชีวิตซวนเซเมื่อต้องประสบ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งสิ้น โดยส่วนแรกเราประกันไม่ได้ก็ต้องเก็บออมเงินไว้เพื่อการดังกล่าวไว้เสมอ ส่วนที่สองก็ทำประกันเอาไว้เท่าที่ทำได้ และไม่ยกเลิกกรมธรรม์นั้นเสียกลางทาง เพราะเราก็ไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดเมื่อไหร่
ต่อเมื่อเรารอบคอบและทำการวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าได้อย่างนี้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่หวั่นไหว และช่วยให้เรามีสติ และคิดอย่างรอบคอบได้มากขึ้น
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน และชีวิตเราทุกคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทางด้วย
จะได้มาง่าย ๆ และไม่ต้องเจ็บปวด หลายครั้งในชีวิตคนเราก็มีสิ่งที่เราไม่ได้คาดฝันมาตั้งมากมาย ซึ่งถ้าเราไม่ตั้งสติไว้ดี ๆ ก็อาจจะพบว่า แทบล้มทั้งยืนเมื่อต้องพบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด หรืออุบัติเหตุของชีวิต เราลองพิจารณากันดี ๆ จะพบว่า สิ่งเหล่านั้นจะแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ได้แก่
ประการแรก ได้แก่เรื่องที่ไม่สามารถทำประกันเอาไว้ได้ เช่น การแต่งงาน การหย่าร้าง การตกงาน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เราอาจรู้ได้ แต่เราก็ไม่สามารถซื้อประกัน ตัวอย่างเช่น ไม่สามารถซื้อประกันชีวิตการแต่งงานของเราได้ว่าจะยั่งยืน หรือ การจากไปของคู่สมรสก่อนวัยควร ทิ้งให้เราต้องต่อสู่อย่างเดียวดาย โดยไม่มีเงิน หรือการที่บริษัทมีจ้างเรามีเหตุทำให้ต้องยุบเลิกงาน หรือบริษัท ทำให้เราสูญเสียงานที่เรารัก และไม่มีเงินเดือน สิ่งเหล่านี้ เราไม่อาจซื้อประกันเอาไว้ได้ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เงินเพื่อทำให้เราต้องมีชีวิตต่อไป
ประการที่สอง ได้แก่เรื่องที่เราสามารถป้องกันหรือทำประกันไว้ได้ เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันชีวิต ประกันรถยนต์ ประกันการทุพพลภาพ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ เราสามารถทำการลงทุนชำระเบี้ยประกัน เพื่อเป็นการบรรเทา หรือทุเลาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างไม่ยาก หลายคนยังไม่เห็นประโยชน์ของการทำประกัน แต่คนที่เข้าใจและได้รับการบริการที่ดีจากตัวแทนและบริษัทที่ซื่อตรงให้ข้อมูลครบถ้วน และตัวเองก็ศึกษาจนเข้าใจแล้ว มักจะได้รับประโยชน์จากการประกันความไม่แน่นอนเอาไว้ล่วงหน้า
อุบัติเหตุชีวิต เกิดขึ้นได้กับทุกคนอย่างไม่คาดคิด ดังนั้นถ้าเราคิดได้ว่า อุบัติเหตุมักจะเกิดเป็น 2 รูปแบบ เราก็ควรวางแผนเพื่อรับมือการความไม่แน่นอนดังกล่าวไว้ให้ดี เพื่อไม่ให้ชีวิตซวนเซเมื่อต้องประสบ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งสิ้น โดยส่วนแรกเราประกันไม่ได้ก็ต้องเก็บออมเงินไว้เพื่อการดังกล่าวไว้เสมอ ส่วนที่สองก็ทำประกันเอาไว้เท่าที่ทำได้ และไม่ยกเลิกกรมธรรม์นั้นเสียกลางทาง เพราะเราก็ไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดเมื่อไหร่
ต่อเมื่อเรารอบคอบและทำการวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าได้อย่างนี้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่หวั่นไหว และช่วยให้เรามีสติ และคิดอย่างรอบคอบได้มากขึ้น
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน และชีวิตเราทุกคนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดทางด้วย