xs
xsm
sm
md
lg

สมิทธิ์ อารยะสกุล (หมอโอ๊ค) สานฝันสู่เศรษฐี ด้วยคลีนิค Siam Dermatik

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวด้วยการเป็นศิลปินค่ายแกรมมี่ ส่งผลให้หมอโอ๊คเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้มีรายได้มากขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการจัดสรรเงินอย่างเป็นระบบให้มากขึ้นด้วย โดยจะแบ่งเงินประมาณ 10 -20% เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนอีก 30% นำไปลงทุนในธุรกิจคลินิคและส่วนที่เหลือนั้นหมอโอ๊คได้นำไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ เพราะมันสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้”

เพลง “ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง” ถือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับ หมอโอ๊ค - สมิทธิ์ อารยะสกุล เป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้ และสัปดาห์นี้เอง “ผู้จัดการคุยกับนักลงทุน” จะพามาสัมผัสอีกมุมหรือของหมอโอ๊คในเรื่องของการจัดสรรเงิน ที่นอกเหนือจากการเป็นนักร้อง และเป็นคุณหมอว่ามีมุมมองเป็นอย่างไรกันบ้าง...

 หมอโอ๊ค เริ่มเปิดประเด็นว่า ถึงแม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้ยากจนอะไรก็ตามแต่คุณพ่อคุณแม่จะสอนลูก ๆ อยู่เสมอว่าให้รู้จักประหยัด ไม่ใช่จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เเละจะสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ให้รู้จักออม ซึ่งในสมัยตอนเป็นเด็ก ๆ นั้นจำได้ว่า เมื่อเราอยากจะซื้อของเล่นหรืออะไรที่เป็นพิเศษให้กับตัวเองนั้น จะต้องเก็บสตางค์ซื้อเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีให้เรารู้จักใช้สตางค์เป็นตั้งแต่ในช่วงยังเด็ก

พออายุประมาณ 19 -20 ปี หมอโอ๊คได้เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการถ่ายโฆษณาให้กับสินค้าชิ้นหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นได้เงินจากการถ่ายโฆษณาครั้งแรก เป็นจำนวนเงินกว่า 20,000 บาท โดยเงินในจำนวนดังกล่าวได้เก็บไว้เป็นค่าอุปกรณ์การเรียน เพราะในช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 5 คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
“เข้าวงการโดยมีพี่จากโมเดลลิ่งชักชวนตอนยังเป็นแพทย์ฝึกหัด ส่วนใหญ่เป็นงานถ่ายโฆษณา ถ่ายแฟชั่น ถ่ายโฆษณาช็อกโกเลต เฮอชี่ และอีกตัวนึงน่าจะจำกันได้คือ โฆษณามือถือฮัทจ์ ที่อยู่ในลิฟท์มีผู้หญิงเข้าลิฟท์มา แล้วเห็นผู้ชายคนนึงหัวใจเต้นตูมตามจนกระเป๋าเสื้อสั่น แต่ในนั้นเป็นโทรศัพท์ หลายคนอาจจำได้แต่ไม่สังเกตว่าเป็นหมอโอ๊ค”

หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวด้วยการเป็นศิลปินค่ายแกรมมี่ ส่งผลให้หมอโอ๊คเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้มีรายได้มากขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการจัดสรรเงินอย่างเป็นระบบให้มากขึ้นด้วย โดยจะแบ่งเงินประมาณ 10 -20% เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนอีก 30% นำไปลงทุนในธุรกิจคลินิคและส่วนที่เหลือนั้นหมอโอ๊คได้นำไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ เพราะมันสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้

หมอโอ๊คบอกอีกว่า “การออมนั้นถือว่ามีประโยชน์กับชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าหรือในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ซึ่งเราควรเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน นอกจากนี้แล้วในส่วนของการทำธุรกิจนั้นก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะนำเงินมาต่อเงินเพื่อให้เงินดังกล่าว งอกเงยเพิ่มขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตามเราควรมีการออมที่ดี มีเงินเก็บที่เป็นเงินสดของตนเองเพื่อที่จะไปประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยทำตามกำลังของเราที่มีอยู่ไม่ใช่ว่าต้องไปกู้หนี้ยืมสิ้นเขามาทำธุกริจอย่างนี้ถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควร เพราะถ้าธุรกิจไปได้ไม่ดีเราอาจจะเป็นหนี้ก็ได้”

สำหรับผลงานปัจจุบันในขณะนี้หมอโอ๊คบอกว่า กำลังมีอัลบั้มชุดที่ 2 ชื่อว่า “มิสเตอร์สมิธ” โดยจะเริ่มวางแผนเดือนมิถุนายน นี้ ซึ่งเพลงที่จะเริ่มทำการโปรโมทนั้นเป็นเพลง “หนึ่งนาทีที่แล้ว” ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้แล้วหมอโอ๊คยังเป็นพิธีกรรายการรถโรงเรียนอีกด้วย โดยออกอากาศทางช่อง 5 วันอาทิตย์ เวลาบ่ายโมง

ส่วนงานละครนั้นหมอโอ๊คบอกว่า ขณะนี้มีเรื่อง “เงาอโศก” ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ และจะออกสู่สายตาประชาชนในเร็ว ๆ นี้ โดยบทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้คือน้องพระเอกซึ่งเป็นพระรองของเรื่องอีกด้วย ซึ่งละครที่ว่านี้เป็นละครย้อนยุค ที่แสดงคู่กับน้องมดทรีจี

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจคลินิค Siam Dermatik's Clinic โดยก่อนหน้านี้เปิดอยู่ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬา และปัจจุบันได้เปิดสาขาสองแล้วซึ่งตั้งอยู่ตรงตึกวรรณสรณ์ ซึ่งสาขาใหม่นี้ได้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 3 เดือน นอกจากนี้หมอโอ๊คบอกว่า ยังมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีก โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดูในเรื่องของทำเลอยู่ ขณะเดียวกันยังทำงานเป็นแพทย์ผิวหนังที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เเละเป็นอาจารย์พิเศษที่ มศว. ประสานมิตร อีกด้วย

ในส่วนของการศึกษานั้นหมอโอ๊ค จบปริญญาตรีจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโททางด้านผิวหนัง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร สาเหตุที่เลือกเรียนแพทย์นั้น เพราะได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัวเพราะ คุณแม่เป็นทันตแพทย์ และคุณลุงเป็นหมอด้านหัวใจ ส่วนคุณพ่อนั้นทำงานรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

หมอโอ๊คยังบอกอีกว่า เมื่อว่างจากการทำงานเมื่อไหร่จะหาเวลาว่างในการชาร์จแบตให้กับตัวเองดัวยการไปเที่ยวทะเล โดยหมอโอ๊คให้เหตุผลว่า เนื่องจากว่าเราทำงานในเมืองอยู่แต่ในกล่องสี่เหลี่ยมทุกวัน ดังนั้นการไปเที่ยวทะเลเป็นการปลดปล่อยที่ดีอย่างหนึ่ง ส่วนการไปเที่ยวต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่ช่วงนี้จะไปเกี่ยวกับการทำงานทั้งสิ้นที่จะไปบ่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตามใน 1 ปีจะให้รางวัลแก่ตัวเองในการไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองด้วย ซึ่งประเทศที่ไปบ่อยที่สุดเห็นทีจะเป็นญี่ปุ่น เพราะไปแล้วจะได้อะไรหลายอย่างกลับมาเพื่อพัฒนาในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

สุดท้ายหมอโอ๊คฝากบอกว่า ในยุคเศรษฐกิจข้าวของเครื่องใช้ไม่ว่าจะเป็นข้าวที่แพงขึ้น หรือน้ำมันที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้นนั้น เราควรจะใช้จ่ายอย่างพอดี ไม่ควรใช้ชีวิตแบบอันตรายโดยไม่มีเงินเก็บเพราะเงินจะช่วยสร้างให้เรามีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้าได้ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะหาเงินได้เยอะก็ตามแต่ไม่มีค่อยรู้คุณค่าของเงินอย่างนี้ถือว่าใช้ชีวิตแบบอันตราย


ชื่อ – นามสกุล สมิทธิ์ อารยะสกุล (โอ๊ค)
วันเดือนปีเกิด 4 กันยายน 2523
จบการศึกษา ปริญญาตรี แพทยศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1 )
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปริญญาโท ทางวิทยา (ผิวหนัง)
ศูนย์ผิวหนัง มศว. ประสานมิตร
ผลงานปัจจุบัน อัลบั้มชุดที่ 2 “มิสเตอร์สมิธ”
ละคร “เงาอโศก”
พิธีกรรายการรถโรงเรียน

กำลังโหลดความคิดเห็น