xs
xsm
sm
md
lg

แมนูไลฟ์-ยูโอบีปรับพอร์ตกองหุ้น ให้น้ำหนักกลุ่มแบงก์รับมาตราการกระตุ้นศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ."แมนูไลฟ์-ยูโอบี" ปรับพอร์ตกองทุนหุ้นในประเทศ เน้นลงทุนในกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียงกลุ่มพลังงาน ประเมินอนาคตรุ่งรับอานิสงค์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคขยายตัว ด้านผู้จัดการกองทุนแนะหุ้นไทยทยอยซื้อได้ แต่ไม่ควรลงเต็มตัว

นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนตราสารทุนที่ลงทุนในประเทศไทยของบริษัทได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุน (พอร์ต) โดยเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทจะเน้นลงทุนในกลุ่มพลังงานเป็นหลักมากกว่า ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนในกล่มธนาคารเริ่มใกล้เคียงกับกลุ่มพลังงานจากเดิมที่เคยมีสัดส่วนน้อยกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด

โดยภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น หลังมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล แต่โดยภาพรวมทั่วโลกแล้ว จากภาวะราคาน้ำมัน ราคาสินค้า ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน แต่การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ก็นับเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้ามาซื้อหุ้นเหมือนกัน

"ช่วงวิกฤตเป็นช่วงโอกาสที่ดี ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นราคาถูก เพราะตอนนี้ถึงแม้จะไม่ดี แต่ไม่น่าจะวิกฤตเท่าตอนปี ค.ศ. 1997 แม้ว่าจะไม่ดีแต่ใช่ว่าจะไม่ดีไปทั้งหมด เพราะมันยังมีตัวที่ราคาลดลง แต่ปัจจัยพื้นฐานยังดี ดังนั้นนักลงทุนควรจะเลือกพิจารณาเป็นรายตัวมากกว่า" นายอลัน กล่าว

นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ยูโอบี (ไทย) เปิดเผยว่า กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีได้มีการปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก แต่หลังจากที่ปัจจัยทางการเมืองเริ่มกลับมามีสเถียรภาพอีกครั้ง ประกอบกับมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ทำให้ดัชนีสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้อีกครั้ง จนปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทน -4% เท่านั้น จากที่เคยทำสถิติสูงสุดปรับตัวลดลงไปถึง -15%

ขณะที่กองทุนซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนในประเทศของบริษัท ได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากประเมินว่าผลจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ น่าจะส่งผลทำให้การใช้จ่ายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนในตลาดหุ้นไทยมากที่สุด กองทุนจึงต้องคงระดับการถือครองหุ้นในกลุ่มดังกล่าวไว้เพื่อที่ผลตอบแทนจะได้อิงไปตามการเคลื่อนไหวของดัชนี ทำให้ตอนนี้สัดส่วนการถือหุ้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มพลังงาน

ด้านนางแสงจันทร์ ลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ตอนนี้หุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นหัวใจหลักในการลงทุน แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลง รวมถึงเศรษฐกิจของยุโรปมีการทรงตัว ขณะที่จีนซึ่งอาจจะมีการเติบโตที่ลดลงจากปีที่ผ่านมาส่งผลทำให้กระทบต่อแนวโน้มการบริโภคน้ำมันที่น่าจะปรับตัวลดลงตาม จึงประเมินว่าในปีนี้หุ้นกลุ่มธนาคารอาจจะมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเมกะโปรเจคต์ต่าง ๆ ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีการคาดหวัง และธนาคารอาจจะมีการปล่อยเงินกู้ได้มากขึ้น

"ตอนนี้การลงทุนในหุ้นบ้านเรานั้นสามารถเริ่มทยอยซื้อได้ แต่ไม่เต็ม 100% และในส่วนที่เหลือนั้นควรนำเงินไปลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุประมาณ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี นอกจากนี้แล้วการลงทุนยังคงต้องดูในเรื่องของอายุที่จะสามารถรับความเสี่ยงได้ด้วย ซึ่งถ้าอายุมากขึ้นความเสี่ยงควรจะน้อยลงทุนอาจจะเลือกเข้าไปลงทุนในหุ้นเพียง 20% เท่านั้น เนื่องจากความผันผวนในเรื่องความเสี่ยงไม่สามารถรับได้มากเหมือนนักลงทุนที่อายุยังไม่มาก" นางแสงจันทร์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น