xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้จับมนุษย์เงินเดือนระดับล่างดึงเข้าพอร์ตกองทุนแอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้ เดินหน้าขยายฐาน "LTF-RMF" พุ่งเป้าเจาะลูกค้าระดับล่าง รายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ระบุการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีเป็น 5 แสนบาท คนรวยได้อานิสงส์ เผยฐานตรงนี้มีจำนวนไม่มาก แถมกระจายอยู่ในบลจ.อยู่แล้ว ตั้งเป้าปีนี้ เอ็นเอวี 2 กองทุนโต 20-30% เท่าอุตสาหกรรม ด้าน "ซีมิโก้" เผย ลูกค้าตื่นเต้น เดินสายให้ข้อมูลพร้อมเข็ญโปรโมชั่นดึงเงินเพิ่ม

นายเอกชัย จงวิศาล ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง ที่การขยายเพดานการลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จาก 3 แสนบาทเป็น 5 แสนบาทนั้น เชื่อว่าคงจะทำให้มีกลุ่มที่สนใจเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนทั้ง 2 ประเภทมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ได้ประโยชน์ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ 2,000,000 บาทต่อปีขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เสียภาษีที่สามารถลงทุนเพิ่มได้อาจจะไม่มากนัก และผู้ลงทุนส่วนใหญ่เองก็มีการลงทุนอยู่แล้วในแต่ละบริษัทจัดการ ซึ่งในส่วนนี้ แต่ละบลจ.คงมีการให้ข้อมูลลูกค้าว่าสามารถลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น แต่ในส่วนของนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษียังมีอยู่ โดยเฉพาะผู้มีรายได้ระดับ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป จะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราจะขยายเข้าไปมากขึ้น

ขณะเดียวกัน อาจจะเน้นเจาะกลุ่มจากกลุ่มลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งบลจ.ทิสโก้มีจำนวนสมาชิกเป้าหมายถึง 200,000 ราย และยังสนใจที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือนหรือระดับตั้งแต่ 20,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ซึ่งกลุ่มผู้ลงทุนดังกล่าว ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานขนาดใหญ่ที่สุด แต่จากข้อจำกัดทางด้านสาขาของบริษัทแม่หรือธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ที่มีสาขาเฉพาะไม่มากเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆเท่านั้น จึงอาจจะเข้าถึงได้ไม่มาก

ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายของผู้ที่มีรายได้ระดับ 20,000 บาทต่อเดือน จึงเป็นกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าประมาณ 6-7 ล้านรายซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเสียภาษี

"กลุ่มลูกค้าของเรามีอยู่หลายระดับ ซึ่งในระดับบนส่วนใหญ่มีการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทเต็ม 3 แสนล้านบาทแล้ว แต่กลุ่มลูกค้าระดับล่างที่มีฐานเงินเดือนตั้งแต่ 2-5 หมื่นบาท ยังเป็นโอกาสที่เราจะสามารถทำได้อีกค่อนข้างเยอะ"นายเอกชัยกล่าว

นายเอกชัยกล่าวว่า หลังจากนี้ ทั้งกองทุน LTF และ RMF ยังสามารถขยายตัวได้อีกเยอะ แต่ต้องทำให้คนตระหนักและเห็นประโยชน์มากขึ้นกว่านี้ สำหรับปีนี้เอง คาดการณ์ว่าจำนวนเงินลงทุนของบลจ.ทิสโก้ จากกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้ จะเติบโตได้ประมาณ 20-30 % ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับเดียวกับอุตสาหกรรม จากปัจจุบันที่บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารรวมกันประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยแยกเป็นกองทุน RMF ประมาณ 1,185.28 ล้านบาท และกองทุน LTF ประมาณ 1,303.29 ล้านบาท

"ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งกองทุน LTF และ RMF สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้แล้ว ซึ่งผู้ลงทุนส่วนใหญ่ก็ได้รับผลตอบแทนกลับมาค่อนข้างดี บางกองทุนสามารถให้ผลตอบแทนได้สูงถึง 200% นับจากเริ่มจัดตั้งกองทุน ซึ่งเรื่องนี้ ถ้ามีการบอกปากต่อปาก ก็น่าจะมีเงินลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มได้อีก"นายเอกชัยกล่าว

นายกิตติโชค จิตต์สดศรี กรรมการผู้จัดการ บลจ.ซีมิโก้ เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาครัฐได้มีการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุน LTF และ RMF จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท ทำให้การลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทได้รับความสนใจมากขึ้น โดยในส่วนของบลจ.หลังจากนี้มีแผนที่จะเพิ่มการทำการประชาสัมพันธ์ โดยเน้นการให้ความรู้แก่นักลงทุนเพิ่มมากขึ้น

"จากการสอบถามกับบรรดานักลงทุนพบว่าตื่นเต้นกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่ยังมีบางกลุ่มที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับ LTF และ RMF เลย หรือเคยได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น ดังนั้นเราจึงจะพยายามให้ความรู้บอกถึงข้อดีและข้อเสียของการลงทุนใน LTF และ RMF ให้นักลงทุนเข้าใจการลงทุนดังกล่าว" นายกิตติโชค กล่าว

ทั้งนี้ ในการขยายการลงทุนนั้น บริษัทจะใช้วิธีการเข้าไปให้ความรู้โดยตรง โดยปัจจุบันบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปจัดกิจกรรมนำเสนอตามสำนักงานต่างๆ รวมไปถึงการการออกโปรโมชันให้แก่ลูกค้า ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่คาดว่าจะสามารถออกพร้อมกับการเปิดให้บริการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet trading)

นายกิตติโชค กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในการเปิดขายกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกรูปแบบลงทุนของกองทุนให้เหมาะสมที่สุด โดยคาดว่าน่าจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ และน่าจะสามารถเปิดการซื้อขายกองทุนดังกล่าวได้ภายในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2551

นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุน บลจ. นครหลวงไทย กล่าวว่า การเพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจาก 3 แสนบาทต่อปีในปัจจุบันเป็น 5 แสนบาทต่อปี บริษัทไม่มีนโยบายในการจัดโปรโมชั่นออกมาเป็นพิเศษ เนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ส่วนใหญ่ นิยมจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นลูกค้าให้เข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพและกองทุนรวมหุ้นระยะยาวในช่วงปลายปีมากกว่า แต่ในระหว่างกลางปีคาดว่าจะมีการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อจัดสัมมนาและเปิดขายขายหน่วยลงทุนด้วย ทั้งนี้ จากผลการศึกษาย้อนหลังพบว่าการลงทุนโดยเฉลี่ยเท่ากันทุกเดือน สามารถสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนครั้งเดียวในช่วงปลายปี
กำลังโหลดความคิดเห็น