"มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์" ยืนยันแม้กองทุนไพรเวตฟันด์ตัดขายหุ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ พร้อมมั่นใจไม่ใช่กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจแน่ ชี้ปัจจัยพื้นฐ่านบริษัทยังแข็งแกร่ง อีกทั้งแนวโน้มราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มช่วยสนับสนุนดันรายได้ปี 2551 ขยายตัว 20% ผู้บริหารหวังสรุปดีลควบรวมกิจการแล้วเสร็จในเร็วๆนี้
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ากองทุนไพรเวตฟันด์ขายหุ้น MILL ออกมาจำนวนกว่า 1.1 ล้านหุ้น จนเป็นสาเหตุให้นักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้นตามออกมาว่า ในเบื้องต้นอาจจะเป็นไปได้เพราะราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงดังนั้นจึงมีการขายทำกำไรออกมาซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
อย่างไรก็ตามบริษัทขอยืนยันว่าไม่ได้มีความกังวลในประเด็นดังกล่าวมากนัก เพราะเชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้กลุ่มที่ขายหุ้นออกมากกลับเข้ามาซื้อลงทุนหุ้น MILLอีกครั้ง โดยมองว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบันยังน่าสนใจที่จะเข้าลงทุนอยู่
"ข่าวที่มีกองทุนไพรเวทฟันด์ขายหุ้นMILL ออกมามองวาอาจจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจแน่นอน ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าไม่มีข่าวลบอะไรเกี่ยวกับบริษัทฯ แต่กลับมีข่าวดีด้วยซ้ำที่ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นแถมพื้นฐานของบริษัทฯ ก็แข็งแกร่งขึ้น เพียงแต่ราคาหุ้นมันปรับตัวลงเร็วเกินไปเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องปกติของวงจรตลาดหุ้น" นายสิทธิชัย กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการเจรจากับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจ รวมถึงการควบรวมระหว่างธุรกิจเหล็กเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจนั้น กรรมการผู้จัดกาาร MILL กล่าวว่าในเร็ว ๆ นี้จะสามารถสรุปเรื่องดังกล่าวได้ ซึ่งบริษัทอยากให้ประเด็นดังกล่าวได้ข้อสรุปเร็วที่สุด เนื่องจากหากได้พันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจกันแล้วจะทำให้บริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของรายได้และยังช่วยลดต้นทุนการลงทุนที่มากขึ้นด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ผลดีต่อบริษัท
นายสิทธิชัย กล่าวว่า ในวันที่ 29 ก.พ.2551 บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ โดยคาดว่าจะมีวาระเรื่องการจ่ายเงินปันผลงวดปี 50 ให้กับผู้ถือหุ้นด้วย ส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลนั้นบริษัทฯ จ่ายในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจ่าย
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะขยับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้ามีรายได้ที่ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,600-2,700 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตในทิศทางที่ดี และยังถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเหล็กที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า สำหรับการที่หุ้นของบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ปรับตัวลดลง น่าจะเกิดมาจากการเทขายเก็งกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยปกติแล้วราคาหุ้นกลุ่มเหล็กจะมีมูลค่าการซื้อขายไม่เกิน 1 เท่าของ BV ขณะที่หุ้นของบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์นั้น มีราคาที่ทำการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 5.30 บาท ในขณะที่ราคา BV อยู่ที่ 0.89 บาทต่อหุ้น
"อาจจะ take profit ซึ่งหุ้นที่ PE ขึ้นมาสูงแบบนี้เวลาปรับลง นักลงทุนก็เทขายออกมา...เพราะปกติหุ้นกลุ่มเหล็กเทรดไม่ค่อยเกิน 1 เท่าของ BV ขณะที่ MILL ราคาเทรดอยู่ที่ 5.30 บาท ส่วน BV อยู่ที่ 0.89 บาท/หุ้น หลายเท่ามาก ถ้าจะลงทุนจะต้องอาศัยทางเทคนิคช่วย ดูแนวรับ แนวต้านประกอบ แต่ในเชิงพื้นฐานไม่มีคำแนะนำ" นักวิเคราะห์ กล่าว
วานนี้ราคาของบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ ปิดที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 3.92% มูลค่าการซื้อขาย 83.92 ล้านบาท
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ากองทุนไพรเวตฟันด์ขายหุ้น MILL ออกมาจำนวนกว่า 1.1 ล้านหุ้น จนเป็นสาเหตุให้นักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้นตามออกมาว่า ในเบื้องต้นอาจจะเป็นไปได้เพราะราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงดังนั้นจึงมีการขายทำกำไรออกมาซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
อย่างไรก็ตามบริษัทขอยืนยันว่าไม่ได้มีความกังวลในประเด็นดังกล่าวมากนัก เพราะเชื่อว่าด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้กลุ่มที่ขายหุ้นออกมากกลับเข้ามาซื้อลงทุนหุ้น MILLอีกครั้ง โดยมองว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบันยังน่าสนใจที่จะเข้าลงทุนอยู่
"ข่าวที่มีกองทุนไพรเวทฟันด์ขายหุ้นMILL ออกมามองวาอาจจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจแน่นอน ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าไม่มีข่าวลบอะไรเกี่ยวกับบริษัทฯ แต่กลับมีข่าวดีด้วยซ้ำที่ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นแถมพื้นฐานของบริษัทฯ ก็แข็งแกร่งขึ้น เพียงแต่ราคาหุ้นมันปรับตัวลงเร็วเกินไปเท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องปกติของวงจรตลาดหุ้น" นายสิทธิชัย กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการเจรจากับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจ รวมถึงการควบรวมระหว่างธุรกิจเหล็กเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจนั้น กรรมการผู้จัดกาาร MILL กล่าวว่าในเร็ว ๆ นี้จะสามารถสรุปเรื่องดังกล่าวได้ ซึ่งบริษัทอยากให้ประเด็นดังกล่าวได้ข้อสรุปเร็วที่สุด เนื่องจากหากได้พันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจกันแล้วจะทำให้บริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของรายได้และยังช่วยลดต้นทุนการลงทุนที่มากขึ้นด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ผลดีต่อบริษัท
นายสิทธิชัย กล่าวว่า ในวันที่ 29 ก.พ.2551 บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ โดยคาดว่าจะมีวาระเรื่องการจ่ายเงินปันผลงวดปี 50 ให้กับผู้ถือหุ้นด้วย ส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลนั้นบริษัทฯ จ่ายในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจ่าย
ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะขยับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้ามีรายได้ที่ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,600-2,700 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตในทิศทางที่ดี และยังถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเหล็กที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า สำหรับการที่หุ้นของบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ปรับตัวลดลง น่าจะเกิดมาจากการเทขายเก็งกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยปกติแล้วราคาหุ้นกลุ่มเหล็กจะมีมูลค่าการซื้อขายไม่เกิน 1 เท่าของ BV ขณะที่หุ้นของบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์นั้น มีราคาที่ทำการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 5.30 บาท ในขณะที่ราคา BV อยู่ที่ 0.89 บาทต่อหุ้น
"อาจจะ take profit ซึ่งหุ้นที่ PE ขึ้นมาสูงแบบนี้เวลาปรับลง นักลงทุนก็เทขายออกมา...เพราะปกติหุ้นกลุ่มเหล็กเทรดไม่ค่อยเกิน 1 เท่าของ BV ขณะที่ MILL ราคาเทรดอยู่ที่ 5.30 บาท ส่วน BV อยู่ที่ 0.89 บาท/หุ้น หลายเท่ามาก ถ้าจะลงทุนจะต้องอาศัยทางเทคนิคช่วย ดูแนวรับ แนวต้านประกอบ แต่ในเชิงพื้นฐานไม่มีคำแนะนำ" นักวิเคราะห์ กล่าว
วานนี้ราคาของบมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ ปิดที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 3.92% มูลค่าการซื้อขาย 83.92 ล้านบาท