คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
บลจ. อยุธยา จำกัด
คำถามยอดฮิต
หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่พวกเราที่ทำงานในแวดวงการลงทุนถูกถามเสมอๆ จากญาติสนิทมิตรสหาย ก็คือ ควรจะลงทุนเมื่อไหร่ถึงจะได้กำไรสูงสุด คำตอบที่ฮิตไม่แพ้กัน (แต่ไม่เป็นที่ถูกใจผู้ฟังนัก) ก็คือ “ตอบไม่ได้”ต้องยอมรับว่าแม้แต่ตัวผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนมืออาชีพเอง การกำหนดจังหวะการลงทุนหรือที่เรียกกันว่า Market Timing เป็นเรื่องที่กะเก็งให้ได้ถูกต้องแม่นยำได้ยากมากๆ ดังนั้นสิ่งที่เรามักจะแนะนำให้ทำกัน (และทำกันเองจนเป็นนิสัยด้วย) ก็คือ การลงทุนเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง หรือ Dollar Cost Averaging (DCA) โดยลงทุนประจำ (โดยปรกติจะเป็นทุกเดือน) ในปริมาณเม็ดเงินที่เท่ากันทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าสภาพตลาดหุ้นจะเป็นเช่นไร ซึ่งนอกจากจะมีข้อดีในการที่ทำให้ได้ต้นทุนการลงทุนที่ดีแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนได้เป็นอย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
สร้างวินัยการลงทุน
การลงทุนเฉลี่ยอย่างต่อเนื่องนี้ ยังเหมาะอย่างยิ่งกับการวางแผนลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ซึ่งมีความผันผวนค่อนข้างสูง การตัดสินเลือกวันที่เราจะซื้อหน่วยลงทุนวันไหน ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากในการตัดสินใจมาก วิธี DCA นี้จะช่วยทำให้ผู้ลงทุนไม่ประสบปัญหาการได้ต้นทุนการลงทุนที่สูงเกินไป เพราะโดยจิตวิทยาแล้ว นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่มักมีแนวโน้มที่จะเข้าลงทุนในภาวะที่ตลาดร้อนแรงเกินไปแล้ว อย่างที่เรียกกันติดปากว่า “ติดดอย” การเฉลี่ยการลงทุนจะช่วยปิดจุดบกพร่องในแง่จิตวิทยานักลงทุนตรงนี้ได้อย่างดีเพื่อให้ผู้ลงทุนเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบการลงทุนแบบ DCA โดยจะทำการเปรียบเทียบข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา สมมติว่าผู้ลงทุนได้ทำการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดที่ลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET เดือนละ 10,000 บาท โดยเข้าลงทุนทุกๆวันทำการแรกของเดือน
วินัยการลงทุนช่วยลดโอกาสขาดทุน
ดังข้อมูลที่แสดงตามตาราง จะเห็นได้ว่าต้นทุนของการลงทุนเทียบกับมูลค่าการลงทุนนั้นๆเมื่อสิ้นปี 10 จาก 12 ครั้ง มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามูลค่าการลงทุนเมื่อมาถึงสิ้นปี จึงทำให้โดยเฉลี่ย โอกาสที่ต้นทุนการลงทุนโดยรวมจะสูงกว่ามูลค่าการลงทุนรวม ณ สิ้นปี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางกลับกัน หากผู้ลงทุนเลือกที่จะลงทุนเพียงครั้งเดียวทั้งก้อน 120,000 บาท ณ เดือนใด เดือนหนึ่ง โอกาสที่ผู้ลงทุนจะเลือกลงทุนผิดจังหวะได้ต้นทุนที่สูงกว่ามูลค่าสิ้นงวด แม้จะดูว่ามีโอกาสน้อยเพียง 2 ครั้ง จาก 12 ครั้ง แต่ก็เป็นโอกาสที่หากเกิดขึ้นแล้วส่งผลเสียต่อผลตอบแทนการลงทุนอย่างมาก นอกจากนี้แล้วในเชิงจิตวิทยาการลงทุน หากผู้ลงทุนมักจะมีแนวโน้มที่จะเลือกลงทุนในภาวะขาขึ้น แต่กลับใจไม่แข็งพอที่จะลงทุนเมื่อตลาดกำลังอยู่ในขาลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นโอกาสที่ละเลือกลงทุนผิดจังหวะมีแนวโน้มที่สูงกว่า 2 ใน 12 เสียอีก
เริ่มต้นปีใหม่ให้รางวัลกับตัวเอง
หากปีนี้ท่านมีปณิธานที่จะทำสิ่งดีๆให้กับตัวเอง การวางแผนลงทุนในกองทุนรวมประเภท LTF / RMF ตั้งแต่ต้นปี นอกจากจะช่วยท่านประหยัดภาษีแล้ว AYF ยังมอบของกำนัลให้แก่ท่านที่มีวินัยในการลงทุนกับโปรแกรมแผนตอบแทนพิเศษของการลงทุนแบบประจำ (AYF Regular Saving Plan 2008) ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บลจ. อยุธยา จำกัด โทร. 0-2657-5757 หรือ ที่ http://www.ayfunds.com/savingbonus อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษี ก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ
บลจ. อยุธยา จำกัด
คำถามยอดฮิต
หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่พวกเราที่ทำงานในแวดวงการลงทุนถูกถามเสมอๆ จากญาติสนิทมิตรสหาย ก็คือ ควรจะลงทุนเมื่อไหร่ถึงจะได้กำไรสูงสุด คำตอบที่ฮิตไม่แพ้กัน (แต่ไม่เป็นที่ถูกใจผู้ฟังนัก) ก็คือ “ตอบไม่ได้”ต้องยอมรับว่าแม้แต่ตัวผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนมืออาชีพเอง การกำหนดจังหวะการลงทุนหรือที่เรียกกันว่า Market Timing เป็นเรื่องที่กะเก็งให้ได้ถูกต้องแม่นยำได้ยากมากๆ ดังนั้นสิ่งที่เรามักจะแนะนำให้ทำกัน (และทำกันเองจนเป็นนิสัยด้วย) ก็คือ การลงทุนเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง หรือ Dollar Cost Averaging (DCA) โดยลงทุนประจำ (โดยปรกติจะเป็นทุกเดือน) ในปริมาณเม็ดเงินที่เท่ากันทุกครั้ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าสภาพตลาดหุ้นจะเป็นเช่นไร ซึ่งนอกจากจะมีข้อดีในการที่ทำให้ได้ต้นทุนการลงทุนที่ดีแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนได้เป็นอย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
สร้างวินัยการลงทุน
การลงทุนเฉลี่ยอย่างต่อเนื่องนี้ ยังเหมาะอย่างยิ่งกับการวางแผนลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ซึ่งมีความผันผวนค่อนข้างสูง การตัดสินเลือกวันที่เราจะซื้อหน่วยลงทุนวันไหน ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากในการตัดสินใจมาก วิธี DCA นี้จะช่วยทำให้ผู้ลงทุนไม่ประสบปัญหาการได้ต้นทุนการลงทุนที่สูงเกินไป เพราะโดยจิตวิทยาแล้ว นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่มักมีแนวโน้มที่จะเข้าลงทุนในภาวะที่ตลาดร้อนแรงเกินไปแล้ว อย่างที่เรียกกันติดปากว่า “ติดดอย” การเฉลี่ยการลงทุนจะช่วยปิดจุดบกพร่องในแง่จิตวิทยานักลงทุนตรงนี้ได้อย่างดีเพื่อให้ผู้ลงทุนเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบการลงทุนแบบ DCA โดยจะทำการเปรียบเทียบข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา สมมติว่าผู้ลงทุนได้ทำการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดที่ลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET เดือนละ 10,000 บาท โดยเข้าลงทุนทุกๆวันทำการแรกของเดือน
วินัยการลงทุนช่วยลดโอกาสขาดทุน
ดังข้อมูลที่แสดงตามตาราง จะเห็นได้ว่าต้นทุนของการลงทุนเทียบกับมูลค่าการลงทุนนั้นๆเมื่อสิ้นปี 10 จาก 12 ครั้ง มีต้นทุนที่ต่ำกว่ามูลค่าการลงทุนเมื่อมาถึงสิ้นปี จึงทำให้โดยเฉลี่ย โอกาสที่ต้นทุนการลงทุนโดยรวมจะสูงกว่ามูลค่าการลงทุนรวม ณ สิ้นปี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางกลับกัน หากผู้ลงทุนเลือกที่จะลงทุนเพียงครั้งเดียวทั้งก้อน 120,000 บาท ณ เดือนใด เดือนหนึ่ง โอกาสที่ผู้ลงทุนจะเลือกลงทุนผิดจังหวะได้ต้นทุนที่สูงกว่ามูลค่าสิ้นงวด แม้จะดูว่ามีโอกาสน้อยเพียง 2 ครั้ง จาก 12 ครั้ง แต่ก็เป็นโอกาสที่หากเกิดขึ้นแล้วส่งผลเสียต่อผลตอบแทนการลงทุนอย่างมาก นอกจากนี้แล้วในเชิงจิตวิทยาการลงทุน หากผู้ลงทุนมักจะมีแนวโน้มที่จะเลือกลงทุนในภาวะขาขึ้น แต่กลับใจไม่แข็งพอที่จะลงทุนเมื่อตลาดกำลังอยู่ในขาลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นโอกาสที่ละเลือกลงทุนผิดจังหวะมีแนวโน้มที่สูงกว่า 2 ใน 12 เสียอีก
เริ่มต้นปีใหม่ให้รางวัลกับตัวเอง
หากปีนี้ท่านมีปณิธานที่จะทำสิ่งดีๆให้กับตัวเอง การวางแผนลงทุนในกองทุนรวมประเภท LTF / RMF ตั้งแต่ต้นปี นอกจากจะช่วยท่านประหยัดภาษีแล้ว AYF ยังมอบของกำนัลให้แก่ท่านที่มีวินัยในการลงทุนกับโปรแกรมแผนตอบแทนพิเศษของการลงทุนแบบประจำ (AYF Regular Saving Plan 2008) ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บลจ. อยุธยา จำกัด โทร. 0-2657-5757 หรือ ที่ http://www.ayfunds.com/savingbonus อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษี ก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ