กบข..ใส่เกียร์เดินหน้าขยายสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศ ”วิสิฐ” หวังไตรมาสแรกขยายเพดานขึ้นเป็น 22% จากเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติมร่วม 30,000 ล้านบาท ลั่นไม่ต้องรอตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จก็ลงทุนได้ ขอแค่กฏกระทรวงประกาศใช้ ส่วนกลยุทธ์ เน้นกระจายความเสี่ยงแบ่งลงทุนเป็น 3 กลุ่ม หุ้น – ตราสารหนี้ – พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ แย้มสนใจของถูกอสังหาฯแดนมะกัน แต่ต้องพิจารณาเรื่องผลตอบแทนก่อน ส่วนภาพรวมยังเทเงินให้ตลาดทุนเอเชีย พร้อมยืนยันสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีเอี่ยวร่วมวงช้อนหุ้น
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในต่างประเทศ หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีนการเพิ่มสัดส่วนลงทุนเป็น 25% ว่า ขณะนี้กบข.รอเพียงให้กฏกระทรวงมีการประกาศใช้ออกมาเท่านั้น ซึ่งทางกบข.มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว โดยคาดว่าภายในไตรมาส1/2551 นี้ จะมีการลงทุนในต่างแดนเพิ่มขึ้น
“การลงทุนในต่างประเทศเราไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ หรือต้องรอถึงขั้นการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่เกิดขึ้น เราสามารถเข้าไปลงทุนได้ในทันที ซึ่งขณะนี้เราเพียงให้มีกฏกระทรวงประกาศใช้เท่านั้น”นายวิสิฐกล่าว
สำหรับตลาดทุนในต่างประทศที่กบข.ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ ตลาดในภูมิภาคเอเซีย โดย กบข.มีความสนใจลงทุนภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงแรกกบข.คาดการณ์ว่าจะสามารถขยายสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 14% ในปีที่ผ่านมา เป็น 22% ในช่วงเริ่มต้น และจะขยายสัดส่วนการลงทุนให้ครบ 25% ตามที่ได้รับการอนุมัติในช่วงต่อไป ซึ่งคาดว่าไม่เกินภายในปีนี้
ทั้งนี้ กบข. จะแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่การลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศ ประมาณ 13% ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในพันธบัตรตราสารหนี้ และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ซึ่ง กบข.จะเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้จะแน้นในเรื่องของการบริหารความเสี่ยงมากกว่า
นายวิสิฐ กล่าวว่า กรณีที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า การเข้าลงทุนในสหรัฐรัฐอเมริกาในช่วงนี้เป็นโอกาศที่ดี เพราะมีราคาที่ถูกลงนั้น โดยเฉพาะในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา และในยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากซับไพรม์ จนทำให้อสังหาริมทรัพย์หลายแห่งมีราคา ที่ถูกลง ซึ่งกบข.เองมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเป็นช่วงโอกาสลงทุนที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม กบข.จะต้องดูเรื่องอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นหลัก ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ
สำหรับเม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศของกบข.ในปีนี้ จะอยู่ 80,000 ล้านบาท ตามสัดส่วนการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติเพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดเงินลงทุนในสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศเดิม ที่มีอยู่ 14% ส่วนอัตราผลตอบแทนคาดว่าจะอยู่ทีประมาณ 8-10%
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กบข. ประมาณการผลตอบแทนโดยรวมไว้ที่ 7-10% ส่วนผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมานั้น เชื่อมั่นว่าจะมีผลดำเนินงานที่ไม่ด้อยกว่าผลดำเนินงานงวด 9 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 9.01% แน่ ขณะที่นโยบายการลงทุนภายในประเทศ กบข.ยังยึดสัดส่วนการลงทุนเดิม 12% สำหรับการลงทุนในหุ้น
ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีนักลงทุนสถาบันเข้าไปลงทุนในหุ้นเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น นายวิสิฐ กล่าวปฏิแสธว่า แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีนักลงทุนสถาบันเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก แต่กบข.ไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ดังนั้นจึงคาดว่าเม็ดเงินสถาบันที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจะมาจากเงินลงทุนของกองทุนรวมต่างๆ นั่นเอง ส่วนในสัปดาห์นี้นักลงทุนสถาบันจะเข้ามาลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน จะต้องดูที่การเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก
