บลจ.ทิสโก้ ประเดิมออกกองทุนต่างประเทศรับปีหนูทอง ส่ง "ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์" ให้ผลตอบแทน 6.2% ล่อใจนักลงทุน เปิดไอพีโอระหว่างวันที่ 7-18 มกราคมนี้ หลัง 2 กองทุนประเภทเดียวกัน "ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย-ทิสโก้พันธบัตรอังกฤษ" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะทำการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ (TISCO New Zealand Bond Fund) อายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน 15 วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่สำนักงานรับจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ในระหว่างวันที่ 7-18 มกราคม 2551 โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท และมูลค่าขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 20,000 บาท
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ จะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรของประเทศนิวซีแลนด์รุ่น 7 07/09โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือกองทุนอาจลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารการเงินต่างประเทศอื่นๆ ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาผลตอบแทนโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีความเห็นชอบ นอกจากนี้ กองทุนนี้อาจมีการทำสัญญาการซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ (hedging) แต่จะไม่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะการซื้อขายล่วงหน้าแฝง
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของพันธบัตรนิวซีแลนด์จะอยู่ที่ประมาณ 7.40% ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยมีเพียง 4.06% ต่อปี โดยนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนนี้ทางบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 6.2% ต่อปี หลังจากหักค่าใช้จ่ายของกองทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้โดยอัตโนมัติในวันครบกำหนดอายุ แต่บลจ. ทิสโก้จะไม่มีการรับซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนนี้ภายหลังการเสนอขายครั้งแรก อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้อาจมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติก่อนครบกำหนดได้หากวันครบกำหนดตรงกับวันหยุดทำการของบริษัท
อนึ่ง บลจ.ทิสโก้ ได้เคยเปิดขายกองทุนลักษณะนี้ไปแล้ว 2 กอง ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร และกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงเปิดขายไอพีโอกับนักลงทุนทำให้มียอดซื้อหน่วยลงทุนถึง 421 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักรนั้นจะเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนพันธบัตรของประเทศอังกฤษที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับ AAA อีกทั้งยังมีผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้จากการลงทุนสูงถึง 4.5% ต่อปีหลังจากหักค่าใช้จ่ายของกองทุน
ส่วนกองทุนเปิด กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 มีสูงถึงประมาณ 1,201 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการเต็ม 1,500 ล้านบาท โดยกองทุนนี้จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียไม่น้อยกว่าร้อยละ95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน แต่จะไม่มีการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน (FX Risk) ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียจะไม่ผันผวนมากนัก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.9% ต่อปี
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะทำการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ (TISCO New Zealand Bond Fund) อายุโครงการประมาณ 1 ปี 6 เดือน 15 วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่สำนักงานรับจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ในระหว่างวันที่ 7-18 มกราคม 2551 โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท และมูลค่าขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 20,000 บาท
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ จะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรของประเทศนิวซีแลนด์รุ่น 7 07/09โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือกองทุนอาจลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารการเงินต่างประเทศอื่นๆ ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาผลตอบแทนโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีความเห็นชอบ นอกจากนี้ กองทุนนี้อาจมีการทำสัญญาการซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ (hedging) แต่จะไม่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะการซื้อขายล่วงหน้าแฝง
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของพันธบัตรนิวซีแลนด์จะอยู่ที่ประมาณ 7.40% ต่อปี เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยมีเพียง 4.06% ต่อปี โดยนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนนี้ทางบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 6.2% ต่อปี หลังจากหักค่าใช้จ่ายของกองทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้โดยอัตโนมัติในวันครบกำหนดอายุ แต่บลจ. ทิสโก้จะไม่มีการรับซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนนี้ภายหลังการเสนอขายครั้งแรก อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้อาจมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติก่อนครบกำหนดได้หากวันครบกำหนดตรงกับวันหยุดทำการของบริษัท
อนึ่ง บลจ.ทิสโก้ ได้เคยเปิดขายกองทุนลักษณะนี้ไปแล้ว 2 กอง ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร และกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงเปิดขายไอพีโอกับนักลงทุนทำให้มียอดซื้อหน่วยลงทุนถึง 421 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักรนั้นจะเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนพันธบัตรของประเทศอังกฤษที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับ AAA อีกทั้งยังมีผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้จากการลงทุนสูงถึง 4.5% ต่อปีหลังจากหักค่าใช้จ่ายของกองทุน
ส่วนกองทุนเปิด กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 มีสูงถึงประมาณ 1,201 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการเต็ม 1,500 ล้านบาท โดยกองทุนนี้จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียไม่น้อยกว่าร้อยละ95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน แต่จะไม่มีการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน (FX Risk) ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียจะไม่ผันผวนมากนัก ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.9% ต่อปี