โตโยต้าเปิดประสบการณ์ทดสอบ ไฮลักซ์ ทราโว่-อี “Hilux TRAVO-e” ปิกอัพไฟฟ้าล้วน 100% รุ่นแรกที่ทำตลาดจริง พิสูจน์สมรรถนะทั้งทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ชูระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD และ Multi Terrain Select ที่ให้รถจัดการทุกอย่างแทนผู้ขับ แต่ยังคงดีเอ็นเอความอึดแบบไฮลักซ์ไว้อย่างครบถ้วน
โตโยต้าเดินเกมรุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวโตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่-อี อย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย นับเป็นหมุดหมายสำคัญของตลาดปิกอัพ เมื่อรถที่เคยถูกมองว่าเหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น ถูกถ่ายทอดสู่พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยรุ่นที่ทำตลาดมีเพียงรุ่นเดียวคือ Double Cab 4TREX ราคา 1,491,000 บาท พร้อมวางตำแหน่งเป็นปิกอัพอีวีที่ “ใช้งานได้จริง” ไม่ใช่เพียงรถโชว์เทคโนโลยี
ล่าสุด โตโยต้าได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะของ ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ทั้งบนถนนจริงและสนามออฟโรดที่จำลองสภาพการใช้งานหนักเอาไว้ครบถ้วน ตั้งแต่ทางดิน โคลน เนินสลับ ทางเอียง ไปจนถึงการลุยน้ำ เพื่อแสดงให้เห็นว่ากระบะไฟฟ้าคันนี้ยังคงจิตวิญญาณสายลุยแบบไฮลักซ์ไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญของการทดสอบอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ All-Wheel Drive และระบบ Multi Terrain Select ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องเลือก 4H หรือ 4L เหมือนรถออฟโรดแบบดั้งเดิม เพราะระบบจะจัดการให้ แต่ผู้ขับก็ยังสามารถเลือกโหมดย่อยได้เหมือนเดิม
ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุด 196 แรงม้า แรงบิดจากมอเตอร์หน้า 205 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 269 นิวตันเมตร พลังงานมาจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนแบบ NMC ความจุ 59.2 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 315 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จ AC สูงสุด 10 kW และ DC สูงสุด 125 kW โดยระบบ AWD จะจัดสรรแรงขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพถนนเป็นหลัก ในการขับขี่ปกติจะเน้นล้อหน้า 40% และล้อหลัง 60% เพื่อคงบุคลิกความเป็นปิกอัพที่มั่นคงและควบคุมง่าย
จุดเด่นของการขับขี่ออฟโรดอยู่ที่ระบบ Multi Terrain Select ซึ่งผู้ขับสามารถเลือกโหมดย่อยได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Dirt, Mud, Sand, Rock หรือ Auto และยังมีโหมดเด่นอย่าง Mogul ที่ออกแบบมาสำหรับเส้นทางป่าเขา พื้นผิวไม่เรียบ และการขับที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยควบคุมการส่งกำลัง ลดอาการลื่นไถลของล้อ เมื่อใดที่ล้อใดล้อหนึ่งลอยหรือไม่สัมผัสพื้น ระบบจะตัดกำลังออกจากล้อนั้นแล้วถ่ายแรงไปยังล้ออื่นทันที ทำให้การผ่านอุปสรรคอย่างเนินสลับหรือร่องลึกเป็นไปอย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องใช้เทคนิคจากผู้ขับ
ในด้านโครงสร้าง แม้จะใช้แชสซีส์พื้นฐานเดียวกับ Hilux TRAVO เครื่องยนต์ดีเซล แต่มีการปรับปรุงหลายจุดเพื่อรองรับระบบไฟฟ้า โตโยต้าออกแบบให้ถอดคานขวางใต้ห้องโดยสารออกเพื่อจัดวางแบตเตอรี่ และเสริมคานด้านหน้าและด้านหลังแทน รวมถึงเพิ่มจุดเชื่อมพื้นตัวถังเพื่อเสริมความแข็งแรงของห้องโดยสาร ช่วยให้การทรงตัวดีขึ้นและการขับขี่นุ่มนวลขึ้น ยางรองตัวถังแบบ Shear Type ถูกนำมาใช้เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร ขณะที่แกนพวงมาลัยขนาดใหญ่ช่วยให้การควบคุมแม่นยำขึ้น
โตโยต้ายังให้ความสำคัญกับการกระจายน้ำหนัก โดยออกแบบให้หน้า-หลังสมดุลในสัดส่วน 50:50 และด้วยการวางแบตเตอรี่ไว้ใต้ห้องโดยสาร รวมถึงตำแหน่งมอเตอร์ที่อยู่ต่ำ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่าไฮลักซ์ รุ่นเครื่องยนต์ ส่งผลให้การควบคุมรถบนถนนดำมั่นใจขึ้นอย่างชัดเจน แม้จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ก็ตาม
เรื่องความทนทานและความปลอดภัยคือสิ่งที่โตโยต้าย้ำหนักแน่นไฮลักซ์ ทราโว่-อี สามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 70 เซนติเมตร และติดตั้งระบบ “Diamond Guard” เพื่อปกป้องแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า ทั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ การยึดแบตเตอรี่กับเฟรมย่อยในรูปทรง Diamond Shape เพื่อลดแรงบิดตัวของเฟรม และโครงสร้างดูดซับแรงกระแทกรอบทิศทาง ซึ่งทั้งหมดช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้งานออฟโรดจริง
เมื่อถึงการทดสอบในสนามออฟโรด ไฮลักซ์ ทราโว่-อี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไม่ต่างจากไฮลักซ์ที่คุ้นเคย เส้นทางโคลน เนินขึ้น-ลง และทางเอียงผ่านไปได้โดยไม่ติดขัด ระยะยืดยุบของล้อสูงถึง 50 เซนติเมตรช่วยให้ล้อสัมผัสพื้นได้ต่อเนื่อง พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาแบบทันที เพียงแตะคันเร่งเบา ๆ ก็พร้อมไต่เนินหรือฝ่าโคลนได้อย่างสบาย ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและระบบช่วยลงเนินทำงานร่วมกันอย่างแนบเนียน ผู้ขับแทบไม่ต้องแตะเบรกให้ยุ่งยาก
กลับมาที่การขับขี่บนถนนทางเรียบ จุดเด่นของ ไฮลักซ์ ทราโว่-อี คือความลื่นไหลและนุ่มนวลในการถ่ายทอดพลังงาน การเร่งไม่ได้กระชาก แต่ต่อเนื่องและมั่นใจ ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงกว่าปิกอัพดีเซลทั่วไป เสียงรบกวนต่ำ ทำให้การเดินทางในเมืองหรือทางไกลสบายขึ้นอย่างชัดเจน ช่วงล่างถูกเซ็ทมาได้ดี แม้ยังคงบุคลิกของปิกอัพที่มีความกระด้างบ้างเมื่อเจอคอสะพานหรือทางขรุขระ แต่เมื่อมีการบรรทุกสัมภาระ ความนุ่มนวลจะเด่นชัดขึ้น
โตโยต้าเผยว่า ทราโว่-อี ตั้งเป้าจำหน่ายในประเทศเพียง 500 คัน จากกำลังการผลิต 5,000 คัน เพื่อรองรับการส่งออกไปยังตลาดยุโรปและออสเตรเลีย พร้อมชูจุดแข็งด้านการดูแลหลังการขาย เครือข่ายตัวแทนจำหน่ายกว่า 153 แห่ง 452 สาขา และความพร้อมของอะไหล่ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและบำรุงรักษาต่ำกว่ารถดีเซลอย่างชัดเจน รวมถึงการออกแบบชิ้นส่วนที่แยกซ่อมได้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเบี้ยประกันภัยในระยะยาว
เมื่อพิจารณาภาพรวมไฮลักซ์ ทราโว่-อี คือการก้าวข้ามเส้นเดิมของตลาดปิกอัพ ด้วยแนวคิด “กระบะไฟฟ้าที่ลุยได้จริง” ทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดเบา เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเทคโนโลยีสะอาด แต่ยังไม่อยากทิ้งความอึด ถึก และใช้งานได้หลากหลายแบบไฮลักซ์ที่คุ้นเคยมาตลอดหลายทศวรรษ


