xs
xsm
sm
md
lg

Mercedes-Benz Vision Iconic ต้นแบบหรูสะท้อนยุค 1930 พร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Mercedes-Benz เผยโฉม "Vision Iconic" รถยนต์ต้นแบบสุดหรูพร้อมดีไซน์การออกแบบห้องโดยสารสไตล์ Art Deco แห่งยุคปี 1930 ผสานเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Level 4 ไม่ต้องอาศัยการควบคุมจากผู้ขับขี่เลยแม้แต่น้อย


เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระบุว่า Vision Iconic เป็นรถยนต์ต้นแบบที่สะท้อนแนวคิดแห่งอิสรภาพในการสร้างสรรค์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดแบบเดิมๆ ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างอดีตและอนาคต เน้นความสง่างามเหนือกาลเวลาด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ (Iconic Grille) สะท้อนยุคทองแห่งการออกแบบยานยนต์ช่วงทศวรรษ 1930

Gorden Wagener ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบของ Mercedes-Benz Group AG ระบุว่า รถต้นแบบคันนี้สื่อถึงแก่นแท้ของแบรนด์ ด้วยฝากระโปรงหน้าที่ดูยิ่งใหญ่สง่างาม เส้นสายที่พลิ้วไหวตามหลักสุนทรียศาสตร์ และการผสมผสานกลิ่นอายของศิลปะ Art Deco เข้าไปอย่างลงตัว ภายในห้องโดยสารมีการนำเบาะนั่งแบบยาวต่อเนื่อง (Continuous Bench Seat) ซึ่งชวนให้นึกถึงรถในตำนานอย่าง 300 SL


กระจังหน้า Iconic Grille ยังเป็นการแสดงออกถึงเอกลักษณ์การออกแบบกระจังหน้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์กว่า 100 ปี กระจังหน้าถูกออกแบบให้มีกรอบโครเมียมกว้าง โครงสร้างแบบตาข่ายกระจกสีรมควัน และไฟส่องสว่างตามรูปทรง ทำให้ผสานกลิ่นอายของ มรดกอันทรงคุณค่าเข้ากับความทันสมัยแบบดิจิทัล โดยมีดาวสามแฉกตั้งเด่นบนฝากระโปรงหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง ซึ่งเคยเปิดตัวครั้งแรกในรถยนต์ไฟฟ้า GLC EV เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

Vision Iconic ยังสะท้อนวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตของการขับเคลื่อน ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ Neuromorphic, ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Steer-by-wire และสีตัวถัง Solar Paint ที่สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้ ระบบขับขี่เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับยุคของรถยนต์ไฟฟ้าและดิจิทัล


ปัจจุบันสีเคลือบพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Paint กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา โดยเป็นการพัฒนาโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ให้สามารถนำไปเคลือบบนตัวถังรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแนบเนียน เสมือนเป็นแผ่นแปะที่บางเฉียบ ซึ่งพื้นผิวที่ทำหน้าที่แปลงพลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยพื้นที่การเคลือบขนาด 11 ตารางเมตรของ Vision Iconic จะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าสำหรับระยะทางการขับขี่เพิ่มเติมได้สูงถึง 12,000 กิโลเมตรต่อปี และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของแร่หายากหรือซิลิคอน และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย


ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยสไตล์ Art Deco และงานฝีมือชั้นสูง ส่วนกลางของแผงหน้าปัดมีโครงสร้างกระจกลอยตัวที่เรียกว่า "Zeppelin" ซึ่งผสานเครื่องมือวัดแบบอนาล็อกและดิจิทัลเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เปรียบเสมือนเป็น "เลานจ์ส่วนตัว" ที่สามารถเคลื่อนที่ได้

Vision Iconic ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 4 ซึ่งเมื่อผู้ขับเปิดระบบบนทางหลวงแล้ว จะสามารถพักผ่อน งีบหลับ หรือรับชมวิดีโอได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องควบคุมรถ และยังมีระบบจอดรถอัตโนมัติขั้นสูงเมื่อถึงจุดหมายเรียบร้อยแล้ว จึงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เวลาไปกับสิ่งสำคัญอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่












กำลังโหลดความคิดเห็น