BMW ประเทศไทย เปิดตัวต้นแบบ “Vision Neue Klasse” ครั้งแรกในไทย ที่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชูแนวคิดการขับขี่พลังงานไฟฟ้าที่ชาญฉลาด ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน เตรียมปูทางสู่รถยนต์รุ่นผลิตจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดฉากสู่ยุคใหม่ของโลกยานยนต์ด้วยการนำเสนอ BMW Vision Neue Klasse ยนตรกรรมต้นแบบที่สะท้อนแนวคิด “อนาคตแห่งการขับขี่” ภายใต้แนวทาง Smart, Digital, Sustainable ที่ให้ผู้ชมชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในงาน BMW Road to Neue Klasse : The Neue New ระหว่างวันที่ 8–12 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
“Vision Neue Klasse” เป็นมากกว่ารถต้นแบบทั่วไป แต่คือภาพจำลองของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูยุคใหม่ที่จะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตจริงในราวปี 2570 (2027) และจะเป็นรากฐานสำคัญของทุกรุ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และการผลิตอย่างยั่งยืน
สืบทอดตำนาน “Neue Klasse” จากยุค 1960 สู่โลกยานยนต์ไฟฟ้า
ชื่อ “Neue Klasse” (นอยเออ คลาสเซอ – แปลว่า “คลาสใหม่”) มีต้นกำเนิดจากซีรีส์รถในทศวรรษ 1960 ที่เคยพลิกชะตาของ BMW จากแบรนด์เฉพาะกลุ่มให้กลายเป็นผู้นำแห่งความสปอร์ตระดับโลก ครั้งนี้ “Vision Neue Klasse” ได้รื้อฟื้นจิตวิญญาณนั้นขึ้นมาอีกครั้งในโลกของพลังงานไฟฟ้า โดยสืบทอดแก่นแท้ของ “Joy of Driving” และต่อยอดด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “Vision Neue Klasse คือหัวใจของยุคใหม่แห่ง BMW ที่จะเปลี่ยนทุกมิติของการขับขี่ ตั้งแต่เทคโนโลยี พลังงาน การออกแบบ ไปจนถึงกระบวนการผลิตอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รถคันนี้คือต้นแบบของความชาญฉลาดและความยั่งยืนในทุกรายละเอียด”
ดีไซน์ใหม่: เรียบง่ายแต่ทรงพลัง “ย้อนอดีต สู่อนาคต”
รูปลักษณ์ภายนอกของ Vision Neue Klasse ถ่ายทอดแนวคิด “ลดทอนเพื่อความสง่างาม” ตัวถังสี Joyous Bright ขาวประกายโทนเหลืองอ่อน ขับเส้นสายที่เฉียบคมและซุ้มล้อกว้างให้โดดเด่น เสริมภาพลักษณ์สปอร์ตในสไตล์ซีดาน 4 ประตู
กระจังหน้า “ไตคู่” เอกลักษณ์ของ BMW ถูกตีความใหม่ด้วยดีไซน์เชื่อมต่อกับชุดไฟหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้กระจกใส สร้างมิติความลึก และเล่นระดับด้วยเทคโนโลยีไฟ LED ที่ปรับแสงได้อิสระ ส่วนไฟท้ายผลิตด้วยเทคโนโลยี 3D Printing เพิ่มมิติและความโฉบเฉี่ยวในแบบเดียวกัน
ภายใน: พื้นที่โปร่ง โล่ง และยั่งยืนไร้หนัง-โครเมียม
ห้องโดยสารออกแบบให้โปร่งและสว่าง ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากการใช้หนังหรือโครเมียม โดยตกแต่งด้วยโทนสีสว่างเรียบหรูเข้ากับพวงมาลัยทรงใหม่และจอ OLED กลางขนาดใหญ่ เทคโนโลยีเด่นคือ BMW Panoramic Vision – ระบบแสดงข้อมูลเต็มกระจกหน้ารถในแนวกว้างแบบ immersive สามารถโต้ตอบและแชร์ข้อมูลระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารได้อย่างอิสระ เป็นหัวใจสำคัญของ BMW iDrive เจเนอเรชันใหม่
นวัตกรรมขับเคลื่อน: eDrive Gen6 แบตเตอรี่กลมใหม่ – ไกลขึ้น 30%
ใต้รูปลักษณ์สุดล้ำคือระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 6 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงและแบตเตอรี่ทรงกลมรุ่นใหม่ที่เก็บพลังงานหนาแน่นกว่าเดิม 20% ให้ระยะทางวิ่งไกลขึ้น 30% ชาร์จเร็วขึ้น 30% และเพิ่มประสิทธิภาพรวมของระบบถึง 25%
รถต้นแบบรุ่นนี้ยังติดตั้งหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์สมรรถนะสูงถึง 4 ชุด หนึ่งในนั้นคือ “Heart of Joy” ที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลการขับขี่แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่กำลังขับ เบรก การหมุนเวียนพลังงาน ไปจนถึงการตอบสนองของพวงมาลัย เพื่อสร้างอารมณ์การขับขี่ที่ “มีชีวิต” ในแบบ BMW อย่างแท้จริง
ระบบไฟฟ้าใหม่ “Zonal Architecture” เบาและฉลาดกว่าเดิม
ระบบสายไฟภายในตัวรถถูกออกแบบใหม่แบบ แบ่งโซน (Zonal Wiring Harness) ลดความยาวสายไฟได้กว่า 600 เมตร และน้ำหนักลดลงอีก 30% พร้อมระบบเชื่อมต่อความเร็วสูงในแต่ละโซน ช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ BMW
Vision Neue Klasse คือก้าวสำคัญที่สะท้อนพันธกิจของ BMW Group สู่โลกแห่งความยั่งยืนและเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ รถยนต์รุ่นผลิตจริงที่ใช้แนวทางเดียวกันนี้จะเริ่มเปิดตัวสู่ตลาดโลกในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า
ผู้สนใจสามารถร่วมสัมผัสต้นแบบแห่งอนาคต BMW Vision Neue Klasse ได้ที่ Road to Neue Klasse, ชั้น G เซ็นทรัล เอ็มบาสซี วันที่ 8–12 ตุลาคม 2568 พร้อมนิทรรศการและกิจกรรมออกแบบจากแรงบันดาลใจแห่งอนาคตของ BMW