บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่สุดของจีน กำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อราคาหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงดิ่งลงกว่า 30% จากจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ทำให้มูลค่าบริษัทหายไปถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.44 ล้านล้านบาท ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
แรงกดดันหลักมาจากการที่บริษัทประกาศปรับลดเป้ายอดขายรวมปี 2025 ลง 900,000 คัน (-16%) จากเดิม 5.5 ล้านคัน เหลือ 4.6 ล้านคัน โดยจะโตเพียง 7% จากปี 2024 ซึ่งเป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ยุคโควิด-19
ในตลาดรถราคาประหยัด (ต่ำกว่า 150,000 หยวน หรือราว 672,000 บาท) บีวายดีมียอดขายเดือนกรกฎาคมหดตัว -9.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตรงข้ามกับ จีลี่ ออโต้ (Geely) ที่พุ่งถึง 90% ส่งผลให้จีลี่ปรับเป้าขายทั้งปีขึ้นเป็น 3 ล้านคัน จากเดิม 2.7 ล้านคัน
ด้านผลประกอบการ ไตรมาส 2/2025 บีวายดีมีกำไรเพียง 6,400 ล้านหยวน (ราว 28,600 ล้านบาท) ลดลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้อยู่ที่ 200,900 ล้านหยวน (กว่า 914,000 ล้านบาท) โตเพียง 14% แต่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่โต 36% อัตรากำไรขั้นต้นร่วงเหลือ 16.27% จาก 20%
กำลังการผลิตก็อ่อนแรง เดือนสิงหาคมผลิตรถยนต์พลังงานใหม่รวม 353,090 คัน ลดลง -3.78% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังลดต่อเนื่องจากเดือนกรกฎาคม (-0.9%) ทำให้บีวายดีผลิตรถลดลง 2 เดือนติดเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ยังคาดว่ายอดขายต่างประเทศปีนี้จะอยู่ที่ 900,000 – 1 ล้านคัน สูงกว่าเป้า 800,000 คันที่บริษัทตั้งไว้ แต่สถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น China Merchants Bank, Deutsche Bank และ Morningstar ต่างปรับลดคาดการณ์ยอดขายรวมปีนี้ลงเหลือ 4.7–4.9 ล้านคัน ต่ำกว่าที่บีวายดีเคยหวังไว้
อย่างไรก็ตามการแข่งขันในตลาดจีนที่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มรถราคาประหยัด ทำให้บีวายดีต้องเร่งหากลยุทธ์ใหม่ มิฉะนั้นปี 2025 อาจกลายเป็น “ปีวิกฤต” ของค่ายยักษ์ใหญ่อีวีรายนี้