โตโยต้า เขย่าตลาดเอสยูวีไฟฟ้ากลุ่ม D-Segment ด้วย “ bZ4X” รุ่นปรับใหญ่ นำเข้าทั้งคันจากญี่ปุ่น (CBU) ยกระดับดีไซน์ สมรรถนะ และเวลาชาร์จ พร้อมเพิ่มรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า วิ่งได้สูงสุดราว 600 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC* เดินเกมรับจองสิทธิ์ผ่านออนไลน์ทันที ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 6,000 คัน เคาะราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการกลางตุลาคม โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามีราคาเริ่มต้นราว 1,5xx,xxx บาท และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเริ่มต้นราว 1,6xx,xxx บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับ 2,000 สิทธิ์แรก
นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวเปิดตัว bZ4X รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) อเนกประสงค์กลุ่ม D-Segment เวอร์ชันใหม่สำหรับตลาดไทยอย่างเป็นทางการ วางบทบาทเป็นเอสยูวีไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์ครอบครัวและผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยกับความสบายระดับพรีเมียม โดยครั้งนี้โตโยต้าเลือก นำเข้ารถทั้งคัน (CBU) จากญี่ปุ่น และเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.5 ของภาครัฐ เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดสรรรถและการส่งมอบให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
bZ4X รุ่นใหม่ ไม่ใช่เพียงการไมเนอร์เชนจ์ แต่เป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์อีกขั้น ทั้งการออกแบบที่สะดุดตายิ่งขึ้น เวลาชาร์จที่เร็วขึ้น และที่สำคัญคือการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ซึ่งสามารถทำระยะทางได้ สูงสุดราว 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC* พร้อมทั้งปรับปรุงพละกำลังและติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานโตโยต้า ครบทุกเกรด เสถียรภาพการขับ (stability) ฟีลลิ่งพวงมาลัย (steering feel) ความนุ่มนวล (riding comfort) และ ประสิทธิภาพการเบรก ที่อยู่ในระดับแนวหน้าของรถระดับเดียวกัน
นายโนริอากิ ยามาชิตะ เผยว่าเมื่อปี 2565 บริษัทได้นำ bZ4X เข้าตลาดไทยเป็นครั้งแรกภายใต้มาตรการ EV 3.0 แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการจัดสรร ทำให้ยอดจำหน่ายอยู่เพียง 132 คัน เท่านั้น การกลับมาครั้งนี้จึงเดินเกมใหม่ทั้งด้านซัพพลายและแพ็กเกจลูกค้า ตั้งเป้ายอดขายปีแรกที่ 6,000 คัน เพื่อสร้างการยอมรับในวงกว้างและขยายฐานผู้ใช้ เอสยูวีไฟฟ้าขนาดใหญ่
ในเชิงผลิตภัณฑ์ bZ4X ใหม่เน้น ความลงตัวระหว่างสมรรถนะไฟฟ้ากับความสบายในการเดินทาง โดดเด่นด้วยงานออกแบบภายนอกที่ทันสมัยและดุดันขึ้น ห้องโดยสารเน้นความโปร่งโล่งและการจัดวางฟังก์ชันใช้งานง่าย ตอบรับไลฟ์สไตล์ครอบครัวเมือง พร้อมเวลาในการชาร์จที่ถูกย่นระยะลง เพื่อเติมเต็มการใช้งานประจำวัน
ทั้งนี้ รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ถูกวางตำแหน่งให้เป็นตัวเลือกคุ้มค่า เน้นระยะทางต่อชาร์จที่โดดเด่น ส่วน รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการการยึดเกาะและความมั่นใจในทุกสภาพถนน โดยทุกรุ่นย่อยติดตั้ง ระบบความปลอดภัยครบครันตามมาตรฐานโตโยต้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้สะดวก โตโยต้าเปิดจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของล่วงหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ทางการ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันราคาจำหน่ายเบื้องต้นว่า รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 1,5xx,xxx บาท และ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) เริ่มต้นประมาณ 1,6xx,xxx บาท ก่อนประกาศราคาอย่างเป็นทางการในช่วง กลางเดือนตุลาคม โดยตั้งเป้า เริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เป็นต้นไป
นอกจากนี้ โตโยต้ายังเตรียม กิจกรรมทดสอบขับสำหรับสื่อมวลชนช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อสะท้อนสมรรถนะจริงของรถรุ่นใหม่นี้
ด้านทางเลือกสีตัวถัง รุ่นใหม่มาพร้อมโทนสีเข้มสไตล์สปอร์ตแบบ หลังคาดำ (Black Roof) ได้แก่ Precious Metal Black Roof / Platinum White Black Roof / Emotional Red Black Roof / Attitude Black เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์เอสยูวีไฟฟ้าที่ทั้งสง่างามและเร้าอารมณ์
โตโยต้าเสริมความคุ้มค่าด้วย แคมเปญพิเศษสำหรับ 2,000 สิทธิ์แรก ที่จองสิทธิ์ระหว่าง 21 สิงหาคม – 19 ตุลาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด โดยมอบ ส่วนลดเงินสด 20,000 บาท และ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นเป็นเจ้าของอีวี ขณะเดียวกันลูกค้ายังได้รับความอุ่นใจจาก เครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรองรับงานบำรุงรักษาและอะไหล่ตามมาตรฐานระดับโลกของโตโยต้า และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เป็นต้นไป
การเปิดตัว bZ4X ครั้งนี้จึงนับเป็น “การกลับมา” ที่มีความพร้อมรอบด้านมากกว่าเดิม ทั้งตัวสินค้า ระบบหลังบ้าน และข้อเสนอทางการเงิน โตโยต้ามั่นใจว่าด้วยแพ็กเกจทั้งหมดนี้ จะทำให้ bZ4X ใหม่ ไม่เพียงสร้างความภูมิใจในการเป็นเจ้าของ แต่ยังเพิ่มความสุขในการใช้งานในทุก ๆ วัน พร้อมก้าวสู่บทบาทเอสยูวีไฟฟ้าต้นแบบของค่ายในตลาดไทย
*หมายเหตุ: ระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน NEDC ของรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่ระหว่างการรับรองขั้นสุดท้าย ตัวเลขอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อประกาศอย่างเป็นทางการ