พนมเปญ, – ตลาดรถยนต์ในกัมพูชาแสดงถึงความแข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม–มีนาคม) ด้วยยอดขายรถยนต์ใหม่รวม 19,000 คัน เพิ่มขึ้นถึง 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ตามข้อมูลจากผู้จำหน่ายรถยนต์ที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (Cambodia Securities Exchange: CSX)
การเติบโตนี้สะท้อนถึงความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์สันดาปภายใน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
BYD ครองแชมป์ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบูม
ในไตรมาสแรกของปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคกัมพูชา ด้วยราคาที่แข่งขันได้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย รุ่นยอดนิยมอย่าง BYD Atto 3 และ BYD Han ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาที่มุ่งลดมลพิษและสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการลดหย่อนภาษีนำเข้าในบางรุ่น
ตามมาด้วย Toyota ซึ่งครองอันดับสอง ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทานและการบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง รถยนต์รุ่น Toyota Hilux, Fortuner, และ Corolla ยังคงเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้บริโภคทั้งในเมืองและชนบท ด้วยความเหมาะสมต่อสภาพถนนและความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ส่วนอันดับสามตกเป็นของ Tesla ซึ่งดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงในเมืองใหญ่ เช่น พนมเปญ ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเทคโนโลยีขั้นสูง
.
จีนครองแหล่งนำเข้ารถยนต์ ไทยตามติดด้วย Toyota และ Isuzu
ในด้านการนำเข้า จีน ยังคงเป็นแหล่งนำเข้ารถยนต์อันดับหนึ่งของกัมพูชา ด้วยมูลค่าการนำเข้าในช่วงมกราคม–พฤษภาคม 2568 สูงถึง 7,005 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 51.9% จากปีก่อนหน้า นอกจาก BYD แล้ว แบรนด์อย่าง GAC (โดยเฉพาะรุ่น Aion Y) ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก ตามมาด้วยรถยนต์จาก ญี่ปุ่น (Toyota, Honda) และ สหรัฐอเมริกา (Ford, Tesla)
.
สำหรับรถยนต์จาก ประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์ชั้นนำในอาเซียน ยังคงครองส่วนแบ่งสำคัญในตลาดกัมพูชา โดยเฉพาะรถกระบะอย่าง Toyota Hilux และ Isuzu D-Max รวมถึงรถยนต์นั่งอย่าง Honda City และ Civic การส่งออกจากไทยส่วนใหญ่ดำเนินการผ่านการค้าชายแดน โดยเฉพาะด่านอรัญประเทศ-ปอยเปต ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนในช่วงมกราคม–เมษายน 2568 รวม 67,071 ล้านบาท
รถยนต์จากไทยได้รับประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ซึ่งช่วยลดอัตราภาษีนำเข้าจาก 35% เหลือประมาณ 0-5% ขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อในกัมพูชายังคงต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 10% และอาจมีภาษีพิเศษสำหรับรถยนต์บางประเภท
อนาคตของตลาดรถยนต์กัมพูชา
การเติบโตของตลาดรถยนต์ในกัมพูชาคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาลและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่รถยนต์จากประเทศไทยจะยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งนำเข้าที่น่าเชื่อถือ ด้วยคุณภาพและราคาที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคในกัมพูชา