xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัมป์” เขย่ารถญี่ปุ่น ภาษีใหม่ฉุดส่งออกร่วงหนัก โตโยต้ากำไรหาย ฮอนด้าเจ็บหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (Court of International Trade) มีคำสั่งระงับมาตรการเก็บภาษีนำเข้า (tariff) ต่อนานาประเทศของประธานาธิบดี Donald Trump แต่สุดท้ายแล้วกระบวนการจัดการและการหาข้อสรุปเพื่อยุติการทำงานยังจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการจัดการสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่าผลกระทบที่มาจากการบังคับใช้นโยบายนี้ถือว่ามีวงกว้าง และญี่ปุ่นถือเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ผลกระทบเต็มๆ โดยเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเรื่องของการส่งออก

สำหรับแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกา มีทั้งในรูปของการนำเข้าจากไลน์ผลิตอื่นๆ รวมถึงการนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญเพื่อใช้ในการผลิตรถยนต์ทั้งคันที่โรงงานในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งหมดล้วนได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง

ในแง่ของการส่งออกรถยนต์ญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ นั้น หลังจากที่มีการประกาศใช้นโยบายเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าเมื่อนเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้การส่งออกมีสภาพชะลอตัวลงอย่างกะทันหัน และทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการตรึงราคาจำหน่ายเอาไว้แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น เพื่อสร้างแรงดึงดูดจากผู้บริโภค

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลกำไรของอุตสาหกรรมโดยรวมจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก


นอกจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ใช้กับสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นไปยังตลาดสหรัฐฯ แล้ว ประธานาธิบดี Trump ยังเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มอีก 25% รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อพยายามยกเลิกมาตรการภาษีดังกล่าว แต่จนถึงเดือนมิถุนายนยังไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้น ล่าสุด ประธานาธิบดี Trump ยังได้พูดถึงการเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มเติมอีกด้วย

สถิติการค้าจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นระบุว่าในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ 2 นับตั้งแต่เริ่มจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ มูลค่าการส่งออกรถยนต์ญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ อยู่ที่ 363,400 ล้านเยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ตัวเลขดังกล่าวลดลง 24.7% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2024 และลดลง 4.8% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า

ทางด้านสถาบันวิจัย NLI ในญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า หากการส่งออกยังคงลดลงในระดับ 10% อย่างต่อเนื่อง เมื่อบวกกับค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง คาดว่าตัวเลขกำไรของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นจะลดลง 1.3 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณ 2025 เลยทีเดียว ซึ่งผลกระทบนี้จะสร้างปัญหาให้อุตสาหกรรมมากกว่าตัวเลขยอดส่งออกที่ลดลง 10% เสียอีก

Saitō Tarō หัวหน้าแผนกวิจัยเศรษฐกิจของสถาบันได้กล่าวไว้ว่า "แม้ว่าราคาที่ลดลงจะทำให้ปริมาณการผลิตยังคงสูงอยู่ก็ตาม แต่ต้นทุนผันแปรสำหรับสิ่งของต่างๆ เช่น วัสดุ ชิ้นส่วนในการผลิต จะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อกำไร ซึ่งตรงนี้แหละคือปัญหาที่ต้องจับตามอง"



รัฐบาลเร่งเจรจาเพื่อหาทางออก

การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคมลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ เช่น โตโยต้า ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และการที่โตเกียวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ อาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจที่เปราะบาง

Shigeru Ishiba นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวภายหลังการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (จี7) ที่แคนาดาเมื่อวันอังคารว่า ประเทศของเขาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภาษีนำเข้าอย่างครอบคลุมกับวอชิงตันได้ เนื่องจากยังคงมีความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ “และทั้งคู่ยังคงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลง และหว่าจะได้ข้อสรุปอาจจะต้องรอจนกระทั่งนาทีสุดท้าย” เขากล่าวเสริม

ทางญี่ปุ่นกำลังหาวิธีให้สหรัฐอเมริกายกเว้นผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นจากภาษีนำเข้า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของประเทศ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังต้องเผชิญกับอัตราภาษี 'ตอบแทนแบบเท่าเทียม หรือ Reciprocal Tariff' 24 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม เว้นแต่พวกเขาจะสามารถเจรจาข้อตกลงกับวอชิงตันได้


บ.รถยอมเข้าเนื้อเพื่อรอข้อสรุป

ภาคส่วนยานยนต์ของญี่ปุ่นคิดเป็นประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าสินค้ารวม 21 ล้านล้านเยน (145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา แต่ในเดือนพฤษภาคม ยอดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ร่วงลง 11.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดลงในสัดส่วนเปอร์เซ็นต์รายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากยอดการส่งออกยานยนต์สำเร็จรูปลดลง 24.7 เปอร์เซ็นต์ และอีก 19 เปอร์เซ็นต์จากชิ้นส่วนยานยนต์

Koki Akimoto นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัย Daiwa กล่าวว่า “มูลค่าการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ลดลง แต่ปริมาณไม่ได้ลดลงมากนัก ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นแบกรับต้นทุนภาษีศุลกากรอย่างมีประสิทธิผลและไม่เรียกเก็บเงินจากลูกค้า” ซึ่งจนถึงขณะนี้ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นยังคงงดเว้นการขึ้นราคาในสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาต้นทุนภาษีศุลกากร ยกเว้น ซูบาระ และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส “ตอนนี้พวกเขากำลังซื้อเวลาเพื่อดูการเจรจาการค้าระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ แต่ที่น่าสนใจคือ การเงินของพวกเขาจะมีความแข็งแรงมากพอที่จะซื้อเวลาด้วยการทำเช่นนี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปหรือไม่”

แม้ว่าทาง โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดของโลก จะประกาศว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจในปีธุรกิจ 2024 เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเปรียบเทียบจากปีก่อนหน้า แต่จากการประมาณการถึงเรื่องผลกระทบจากการเพิ่มการเก็บภาษีศุลกากรของ Trump น่าจะทำให้กำไรของบริษัทลดลง 180,000 ล้านเยนในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว ส่วน ฮอนด้า เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทจะลดลง 650,000 ล้านเยนในปีนี้จากซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเพิ่มภาษีศุลกากรในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ


เรียกว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องใช้กรอบการเจรจาระหว่างภาครัฐเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนโดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะสั่นคลอนความมั่นคงของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น