xs
xsm
sm
md
lg

อนาคต “เนต้าไทย” ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย หลังบริษัทแม่ยื่นล้มละลายในจีน ท่ามกลางวิกฤตการเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยี่ห้อ เนต้า ล้มละลายแล้ว แล้วคนไทยที่ซื้อไปล่ะ...จะเอายังไงต่อ? อะไหล่ยังมีมั้ย ใครจะรับผิดชอบ? และที่สำคัญ...เนต้าจะอยู่ในไทยต่อไหม?

วิเคราะห์อนาคตในจีนและไทยท่ามกลางวิกฤตการเงิน

การล้มละลายของ Hozon New Energy Automobile บริษัทแม่ของ NETA Auto ในจีน สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการยานยนต์ไฟฟ้า คำถามสำคัญคือ อนาคตของ NETA ในจีนและไทยจะเป็นอย่างไร เจ้าหนี้ ซัพพลายเออร์ และลูกค้าจะเผชิญชะตากรรมใด และรัฐบาลจะยื่นมือช่วยหรือปล่อยให้จม?


สถานการณ์ในจีน: ล้มละลายและความหวังที่ริบหรี่

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ศาลเขตโจวฝาง มณฑลเจ้อเจียง รับคำร้องจาก Shanghai Yuxing Advertising ให้ Zhejiang Hozon New Energy Automobile บริษัทแม่ของ NETA Auto เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการ หลังจากมีหนี้ค้างชำระรวมกว่า 2,000 ล้านหยวน (ราว 9,400 ล้านบาท) ต่อซัพพลายเออร์ 134 ราย สถานการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหากระแสเงินสดที่รุนแรง ซึ่ง Hozon ไม่สามารถหมุนเงินมาชำระหนี้การค้าได้


สาเหตุของวิกฤต

ปัญหาการเงินของ Hozon มาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจีนเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่การแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือด (price war) และต้นทุนการผลิตที่สูง ทำให้บริษัทเผชิญภาวะขาดทุนสะสม การบริหารจัดการที่ผิดพลาด เช่น การค้างจ่ายเงินเดือนพนักงานและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงการลดเงินเดือนบางส่วนถึง 50% ยิ่งซ้ำเติมความไม่มั่นคงภายในองค์กร

โชว์รูม NETA ในเซี่ยงไฮ้เริ่มทยอยปิดตัวลง และสำนักงานใหญ่ที่เซี่ยงไฮ้มีการปลดโลโก้ เนื่องจากสัญญาเช่าสิ้นสุดและย้ายไปที่หงเฉียว แต่การย้ายครั้งนี้ดูเหมือนเป็นการลดต้นทุนมากกว่าการเริ่มต้นใหม่ที่มีความหวัง



รัฐบาลจีนจะช่วยหรือไม่?

แม้ซัพพลายเออร์บางรายหวังว่ารัฐบาลท้องถิ่นหรือรัฐบาลกลางจะเข้ามาอุ้ม NETA เพื่อรักษาตำแหน่งงานและความมั่นคงในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า แต่ความเป็นไปได้ดูน้อยลงทุกที รัฐบาลจีนเคยเผชิญกรณีล้มละลายของยักษ์ใหญ่อย่าง Evergrande ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และเลือกที่จะไม่ช่วยเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างแบบอย่างที่ไม่ยั่งยืน การช่วย NETA อาจนำไปสู่การเรียกร้องจากผู้ผลิตรายอื่นที่มีหนี้สินมหาศาล ซึ่งรัฐบาลคอมมิวนิสต์อาจมองว่าเป็นภาระที่หนักเกินรับไหว

อนาคตของ NETA ในจีน


การปรับโครงสร้างหนี้และองค์กรที่ Hozon ประกาศเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 อาจเป็นทางออกสุดท้าย โดยมีรายงานว่ามีกลุ่มนักลงทุนจากจีนและต่างชาติแสดงความสนใจเข้ามาซื้อทรัพย์สินหรือถือหุ้นในบริษัท อย่างไรก็ตาม การเจรจายังไม่มีความชัดเจน และการที่ศาลรับคำร้องล้มละลายแล้ว ทำให้โอกาสฟื้นตัวของ NETA ในจีนเหลือน้อยลง


หาก Hozon ล้มเหลวในการหานักลงทุนใหม่ ผลกระทบจะรุนแรง:

• ซัพพลายเออร์: ผู้ผลิตชิ้นส่วน 134 รายที่เป็นเจ้าหนี้หลักอาจเผชิญภาวะขาดสภาพคล่องตามไปด้วย ซึ่งอาจลามเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ไปยังผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนยี่ห้ออื่นที่ใช้ซัพพลายเออร์เดียวกัน


• พนักงาน: การประท้วงของพนักงานที่เรียกร้องเงินเดือนค้างจ่ายแสดงถึงความไม่ไว้วางใจในผู้บริหาร การล้มละลายอาจนำไปสู่การเลิกจ้างครั้งใหญ่


• ลูกค้า: เจ้าของรถ NETA ในจีนจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนอะไหล่และศูนย์บริการ ทำให้มูลค่ารถในตลาดมือสองลดลงอย่างมาก



สถานการณ์ในไทย: ความท้าทายของ NETA Auto Thailand

ในประเทศไทย NETA Auto Thailand ดำเนินงานภายใต้บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 และเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยผ่านโรงงานของบางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี (BGAC) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 อย่างไรก็ตาม วิกฤตของบริษัทแม่ในจีนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานในไทย
ความท้าทายในปัจจุบัน


1. หนี้สินและการเงิน: รายงานงบการเงินล่าสุด ณ สิ้นปี 2566 แสดงถึงขาดทุนสะสม 1,882 ล้านบาท หนี้ค้างจ่ายรวมราว 600 ล้านบาท ครอบคลุมดีลเลอร์, ซัพพลายเออร์, บริษัทโลจิสติกส์ และ BGAC ผู้ผลิตในไทย การขาดสภาพคล่องทำให้บริษัทหยุดผลิตรถยนต์และไม่สามารถนำเข้าอะไหล่ได้อย่างเพียงพอ



2. ดีลเลอร์และสต๊อก: จากดีลเลอร์ 60 สาขาทั่วประเทศ ปัจจุบันเหลือเพียง 40 สาขา โดย 20 สาขาที่ถอนตัวได้เทขายรถในสต๊อก เช่น NETA V II ในราคาต่ำถึง 299,000-339,000 บาท ผ่านช่องทางเช่นอู่กิ้งกือ EV Shop สต๊อก NETA V II เหลือราว 400 คัน ส่วน NETA X ขายหมดแล้ว


3. อะไหล่และบริการหลังการขาย: ลูกค้ากว่า 22,000 รายในไทยเผชิญปัญหาการรออะไหล่นาน เช่น กระจกบังลมหน้าที่รอนานถึง 10 เดือน บริษัทต้องพึ่งพาเอเจนซี่จัดซื้ออะไหล่จากจีนและตัวแทนจำหน่ายในไทย ทำให้การเคลมประกัน (warranty) และการซ่อมแซมล่าช้า


4. โครงสร้างองค์กร: การเปลี่ยนกรรมการบริษัทเป็นนางสาวสรินยา ศรีไทยเพียงคนเดียวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 และการที่เธอเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เพื่อบันทึกว่าไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ สร้างความสงสัยถึงความโปร่งใสในการบริหารงาน การที่สำนักงานที่ RSU Tower ใกล้หมดสัญญาเช่าในเดือนมิถุนายน 2568 และยังไม่มีการต่อสัญญา ยิ่งตอกย้ำความไม่แน่นอน


ความพยายามแก้ไข

NETA Auto Thailand ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ว่าบริษัทแม่กำลังปรับโครงสร้างหนี้และองค์กร โดยมีแผนดึงนักลงทุนใหม่เข้ามาในเดือนมิถุนายนนี้ ผู้บริหารอย่างนายซูน เปาหลง ยืนยันว่า “หาก NETA ในจีนยังอยู่ NETA ในไทยก็จะอยู่” และเน้นย้ำว่าประเทศไทยเป็นฐานสำคัญของแบรนด์


บริษัทได้เซ็นสัญญากับนครชัยศรี ออโตโมบิล เพื่อบริหารศูนย์กระจายอะไหล่ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 แต่ความคืบหน้าล่าสุดยังไม่ชัดเจน นอกจากนี้ มีการประชุมสามฝ่ายระหว่าง NETA, ดีลเลอร์, และนครชัยศรี ในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เพื่อแก้ไขปัญหาอะไหล่และบริการหลังการขาย


อนาคตของ NETA ในไทย

อนาคตของ NETA ในไทยขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการปรับโครงสร้างในจีน หาก Hozon หานักลงทุนใหม่ได้และเคลียร์หนี้สิน บริษัทอาจฟื้นการผลิตและนำเข้าอะไหล่ได้ แต่หากล้มเหลว ผลกระทบต่อไทยจะรุนแรง:

ลูกค้า: เจ้าของรถ NETA กว่า 22,000 คันจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนอะไหล่และศูนย์บริการ ทำให้ต้องพึ่งอู่ซ่อมทั่วไปหรืออะไหล่เทียบจากแหล่งอื่น ซึ่งอาจกระทบความปลอดภัยและมูลค่ารถ

ดีลเลอร์: ดีลเลอร์ที่เหลืออาจถอนตัวเพิ่มหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น การเทขายรถในราคาถูกจะยิ่งทำลายภาพลักษณ์แบรนด์

พันธมิตร: BGAC และซัพพลายเออร์ในไทยอาจได้รับผลกระทบจากการค้างจ่ายหนี้ ส่วนเงินสนับสนุนจากกรมสรรพสามิต (EV 3.0 และ 3.5) ที่ต้องผลิตชดเชย 21,440 คัน อาจกลายเป็นภาระหาก NETA ไม่สามารถดำเนินการต่อได้



วิเคราะห์ผลกระทบในวงกว้าง

ในจีน
การล้มละลายของ NETA สะท้อนถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจีนที่เติบโตเร็วเกินไป ผู้ผลิตรายเล็กอย่าง Hozon เผชิญความท้าทายจากยักษ์ใหญ่อย่าง BYD และ Tesla ที่ครองส่วนแบ่งตลาดด้วยราคาที่แข่งขันได้ ปฏิกิริยาลูกโซ่จากการล้มละลายของซัพพลายเออร์อาจกระทบผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนรายอื่นที่พึ่งพาชิ้นส่วนจากแหล่งเดียวกัน

ในไทย
NETA เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ได้รับความนิยมในไทยด้วยราคาที่เข้าถึงได้ แต่ปัญหาการเงินและบริการหลังการขายที่ย่ำแย่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง การถอนตัวของดีลเลอร์และการเทขายรถในราคาถูกยิ่งซ้ำเติมภาพลักษณ์ อย่างไรก็ตาม หาก NETA สามารถรักษาแบรนด์และฟื้นตัวได้ ไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพจากนโยบายสนับสนุน EV ของรัฐบาล



โอกาสและความท้าทาย

• โอกาส: การเข้ามาของนักลงทุนใหม่ทั้งจากจีนและต่างชาติอาจช่วยให้ NETA ฟื้นตัวได้ หากมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้นและแก้ไขปัญหาอะไหล่ในไทย บริษัทอาจรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้

• ความท้าทาย: การแข่งขันในตลาด EV ที่รุนแรงทั้งในจีนและไทย รวมถึงความเสียหายด้านภาพลักษณ์จากวิกฤตครั้งนี้ ทำให้การกลับมาของ NETA เป็นเรื่องยาก



วิกฤตการล้มละลายของ Hozon New Energy Automobile สร้างความไม่แน่นอนให้กับ NETA Auto ทั้งในจีนและไทย ในจีน การขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลและหนี้สินมหาศาลทำให้โอกาสฟื้นตัวเหลือน้อย ส่วนในไทย ลูกค้าและดีลเลอร์เผชิญปัญหาอะไหล่และบริการหลังการขายที่อาจยืดเยื้อหากบริษัทแม่ล้มเหลวในการหานักลงทุนใหม่

สำหรับผู้บริโภคในไทยที่เป็นเจ้าของรถ NETA หรือกำลังพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพิจารณาทางเลือกจากแบรนด์ที่มีความมั่นคงมากกว่า อนาคตของ NETA ในไทยยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย และการตัดสินใจของบริษัทแม่ในจีนจะเป็นตัวกำหนดว่าแบรนด์นี้จะรอดหรือร่วงในที่สุด



กำลังโหลดความคิดเห็น