ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยืนยันแผนการนำเข้า Suzuki e Vitara รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) รุ่นแรกของค่าย ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วง ไตรมาสที่ 4 ปี 2025 โดยรถรุ่นนี้ผลิตจากโรงงาน Maruti Suzuki ในรัฐคุชาราต ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก รวมถึงอาเซียน ยุโรป และญี่ปุ่น
การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ “Enhancing the Ability to Compete in the Upcoming Automotive Market” ที่ซูซูกิมุ่งยกระดับการแข่งขันในตลาดยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ด้วยนวัตกรรมและการบริการที่ทันสมัย
e VITARA มีพื้นฐานมาจากรถต้นแบบ eVX ซึ่งเคยจัดแสดงในงาน Auto Expo ที่ประเทศอินเดียเมื่อเดือนมกราคม 2023 และในงาน JAPAN MOBILITY SHOW เดือนตุลาคมในปีเดียวกัน โดยนับเป็นรถ BEV กลยุทธ์ระดับโลกคันแรกของ Suzuki
ภายใต้แนวคิด Emotional Versatile Cruiser รถรุ่นนี้มาพร้อมการออกแบบที่ผสานความล้ำสมัยของเทคโนโลยีเข้ากับความแข็งแกร่ง ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบ BEV ที่มอบการขับขี่ที่ว่องไวและเฉียบคม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า ALLGRIP-e ที่ไม่เพียงรองรับการลุยทางออฟโรด แต่ยังให้สมรรถนะอันทรงพลัง และใช้แพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT-e ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ BEV โดยเฉพาะ
แนวคิดการออกแบบคือ High-Tech & Adventure สื่อถึงความล้ำหน้าของรถ BEV และความแข็งแกร่งของรถ SUV ที่ปลุกเร้าความรู้สึกอยากผจญภัย ตัวถังภายนอกมีดีไซน์สะดุดตาด้วยยางขนาดใหญ่และระยะฐานล้อยาว ขณะที่ภายในตกแต่งด้วยจอแสดงผลแบบบูรณาการ พร้อมอุปกรณ์ล้ำสมัย แผงควบคุมและคอนโซลกลางดีไซน์ดุดัน สะท้อนธีม High-Tech & Adventure อย่างชัดเจน
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า BEV ประกอบด้วย eAxle ที่รวมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ซึ่งออกแบบมาให้ปลอดภัยและเชื่อถือได้ มอบการเร่งออกตัวที่ว่องไว และการเร่งแซงที่เฉียบคมตั้งแต่ความเร็วต่ำจนถึงสูง
ALLGRIP-e เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าที่ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี 4WD ของ Suzuki โดยมี eAxle แยกอิสระหน้า-หลัง ช่วยให้ได้สมรรถนะทรงพลัง ควบคุมแม่นยำ ตอบสนองฉับไว นอกจากนี้ยังมีโหมด Trail ที่ช่วยให้หลุดพ้นจากพื้นผิวขรุขระได้อย่างราบรื่น ด้วยการเบรกล้อที่หมุนฟรีและถ่ายแรงบิดไปยังล้อฝั่งตรงข้าม (ฟังก์ชันคล้าย Limited Slip Differential หรือ LSD)
แพลตฟอร์มนี้คือ HEARTECT-e ที่พัฒนาขึ้นใหม่โดยเฉพาะสำหรับรถ BEV มีโครงสร้างน้ำหนักเบา ระบบป้องกันไฟฟ้าแรงสูง และออกแบบให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวางด้วยระยะยื่นตัวถังสั้น (Short Overhang) พื้นรถหลักออกแบบให้ไม่มีคานใต้พื้น เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดวางแบตเตอรี่ได้สูงสุด
Suzuki e Vitara จะเริ่มการผลิตที่โรงงาน Maruti Suzuki ในอินเดียตั้งแต่ต้นปี 2025 โดยมีแผนส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) วางกลยุทธ์ให้รถรุ่นนี้เป็นหัวหอกในการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ควบคู่ไปกับการเปิดตัว Suzuki Fronx รถครอสส์โอเวอร์ไฮบริดที่ผลิตในอินโดนีเซียและจะวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 การนำเข้า e Vitara จากอินเดียแสดงถึงความมุ่งมั่นของซูซูกิในการใช้ฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและอินเดียเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
ราคาจำหน่ายในประเทศไทยของ Suzuki e Vitara ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลในอินเดีย คาดว่าราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 17-22 ล้านรูปี (ราว 7-9 แสนบาท) สำหรับรุ่นฐาน และอาจสูงถึง 25-30 ล้านรูปี (ราว 1-1.2 ล้านบาท) สำหรับรุ่นท็อปที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อย่างไรก็ตาม ราคาในไทยอาจสูงกว่านี้เนื่องจากเป็นรถนำเข้าและต้องรวมภาษีนำเข้า
การเปิดตัว Suzuki e Vitara และ Suzuki Fronx สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่มุ่งเน้นการนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่จากฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและอินเดีย แทนการผลิตในญี่ปุ่น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ซูซูกิยังวางแผนยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความพรีเมียมและยูนีคมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคารถสูงกว่ารุ่นเดิมๆ เช่น Suzuki Fronx ที่คาดการณ์ราคาเริ่มต้นที่ 7 แสนบาท
Suzuki e Vitara คือก้าวสำคัญของซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) สู่ยุครถยนต์พลังงานใหม่ ด้วยสเปคที่ทรงพลัง ดีไซน์ทันสมัย และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ รถรุ่นนี้จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าการเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 จะสร้างความคึกคักให้กับวงการยานยนต์ไทย และช่วยให้ซูซูกิสามารถแข่งขันในเซกเมนต์รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแข็งแกร่ง
