รัฐบาลจีนและสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์เร่งเตือนผู้ผลิตอีวีให้ยุติสงครามราคาหลังบีวายดีจุดชนวนหั่นราคาระลอกใหม่ ผู้เชี่ยวชาญชี้สถานการณ์ใกล้ถึงจุดพลิกผันที่ผู้เล่นอ่อนแออาจล้มไม่เป็นท่า ลั่นปลายปีนี้อาจเห็น "ศึกนองเลือด" แห่งวงการยานยนต์ไฟฟ้า
จีนเรียกร้องค่ายรถพักสงครามราคา หวั่นเป็นภัยคุกคามสถานะและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมอีวี หลังบีวายดีจุดชนวนหั่นราคาระลอกใหม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เมื่อบวกกับพัฒนาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่ผู้เล่นที่อ่อนแอไม่สามารถแบกยอดขาดทุนสะสมได้อีกต่อไป และลุกลามเป็นสงครามนองเลือดปลายปีนี้
ความตึงเครียดระหว่างผู้เล่นชั้นนำบางแห่งในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นขณะที่การแข่งขันทวีความรุนแรง อันเนื่องมาจากสงครามราคาในตลาดอีวีที่ปะทุตั้งแต่ต้นปี 2023 และจนถึงตอนนี้ยังแทบไม่มีสัญญาณว่าจะเบาลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันเสาร์ (31 พ.ค.) ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจีนประกาศเพิ่มความพยายามในการแก้ไขการแข่งขันที่เริ่มรุนแรงเกินไป โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเตือนว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามราคา”
การแสดงความคิดเห็นนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อสองสัปดาห์ก่อน บีวายดีออกข้อเสนอจูงใจใหม่สำหรับอีวีกว่า 20 รุ่น กระตุ้นให้คู่แข่งอย่างจีลี่และเชอรี่ต้องหั่นราคาตาม
นอกจากกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว วันเดียวกันนั้น สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) ยังออกมาเรียกร้องให้ผู้ผลิตอีวียุติสงครามราคา เนื่องจากกระทบต่อศักยภาพในการทำกำไรและประสิทธิภาพ ก่อนสำทับว่า สงครามราคาที่น่าตื่นตระหนกรอบใหม่ในจีนเริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจาก “ค่ายรถแห่งหนึ่ง” ลดราคาครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 23 พ.ค.
CAAM เสนอทางออก เช่น บริษัทรถต้องยึดมั่นในหลักการการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่ทุ่มตลาดด้วยการขายราคาต่ำกว่าทุน และผู้เล่นรายใหญ่ต้องไม่ครอบงำตลาด
ทั้งนี้ มาตรการจูงใจของบีวายดีที่รวมถึงมาตรการอุดหนุนการนำรถเก่าแลกซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของรัฐบาล อาจทำให้ราคาซีกัลลดเหลือเพียง 7,750 ดอลลาร์ (254,000 บาท) จากราคาเดิมเกือบ 10,000 ดอลลาร์ (328,000 บาท)
สงครามราคาระลอกใหม่ยังทำให้อุณหภูมิในอุตสาหกรรมอีวีจีนร้อนระอุยิ่งขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัทรถทั้งบีวายดี นีโอ และเอ็กซ์เผิง ร่วงไปตามๆ กัน หลังจากเว่ย เจี้ยนจวิน ประธานกรรมการเกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้สัมภาษณ์ซีนา ไฟแนนซ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. โดยแสดงความกังวลอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับสงครามราคาที่รุนแรงขึ้น และบอกว่า ซัปพลายเออร์บางรายอาจต้องปิดกิจการเนื่องจากถูกบริษัทรถบีบให้ลดราคา
เขาแจงว่า ผลิตภัณฑ์บางอย่างลดราคาจาก 220,000 หยวน เหลือ 120,000 หยวนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และตั้งคำถามว่า “ผลิตภัณฑ์อะไรจะลดราคาได้ถึงแสนหยวนโดยที่ยังรับประกันคุณภาพได้เหมือนเดิม”
เว่ยยังบอกอีกว่า อุตสาหกรรมอีวีกำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เอเวอร์แกรนด์ ที่ถูกสั่งชำระบัญชีเมื่อปีที่แล้วจากวิกฤตหนี้ แต่สำทับว่า “เอเวอร์แกรนด์ในอุตสาหกรรมรถยังไม่ล้ม”
วันศุกร์ที่ผ่านมา (30 พ.ค.) หลี่ หยุนเฟย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายแบรนด์และประชาสัมพันธ์ของบีวายดี โพสต์บนเวยป๋อว่า ไม่มีบริษัทรถชั้นนำของจีนที่เผชิญวิกฤตแบบเอเวอร์แกรนด์ในขณะนี้ และเขางงมากที่โลกออนไลน์พากันคาดเดาว่า บริษัทรถที่เว่ยพูดถึงคือบีวายดี
หลี่แจงว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ของบีวายดีอยู่ที่ 70% ซึ่งต่ำกว่าฟอร์ดและเจเนอรัล มอเตอร์ของอเมริกา อันเป็นผลจากการที่บริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าคู่แข่งบางรายยังแย่อยู่ก็ตาม
เขายังบอกอีกว่า ข่าวลือดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อมูล และบีวายดีเตรียมฟ้องผู้ใช้ออนไลน์ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยได้ส่งหลักฐานให้เจ้าหน้าที่แล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อวันอังคาร (27 พ.ค.) จู หัวหรง ประธานกรรมการฉางอัน บริษัทรถของรัฐบาลจีน กล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีว่า ความคิดเห็นของประธานเกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นคำเตือนว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องใส่ใจมากขึ้นกับความเสี่ยงต่างๆ
ขณะเดียวกัน Tu Le กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษา ซิโน ออโต้ อินไซต์ ชี้ว่า การตัดราคาของบีวายดี ตลอดจนถึงพัฒนาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้น บ่งชี้จุดพลิกผันสำคัญที่ผู้เล่นที่อ่อนแออาจไม่สามารถแบกรับยอดขาดทุนสะสมจากราคาอีวีที่ถูกลงได้อีกต่อไป กลายเป็นโดมิโนตัวแรกที่กดดันผู้เล่นที่อ่อนแอกว่าเช่นสตาร์ทอัพอย่างเนต้าและโพลสตาร์ ที่กำลังโซซัดโซเซ และลุกลามเป็นสงครามนองเลือดปลายปีนี้
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา สตาร์ทอัพมากมายถูกกระแสอีวีดึงดูดเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน และตลาดอีวีที่แออัดมากขึ้นยังเต็มไปด้วยการแข่งขันหั่นราคา ส่งผลให้บริษัทส่วนใหญ่แบกยอดขาดทุนมหาศาล นอกจากนั้นข้อมูลจากบริษัทวิจัย จาโต ไดนามิกส์ ยังระบุว่า ในบรรดาบริษัทรถ 169 แห่งที่ดำเนินการในจีนขณะนี้ กว่าครึ่งมีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 0.1%
Le เสริมว่า สงครามราคาในตลาดอีวีจีนยังส่งผลให้บริษัทรถที่เคยได้เงินจากฟีเจอร์เสริมล้ำสมัยอย่างระบบช่วยขับขี่ ตอนนี้กลับต้องนำเสนอฟีเจอร์เหล่านั้นเป็นออปชั่นมาตรฐาน
สองสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานวางแผนของรัฐบาลจีนเตือนว่า การแข่งขันเริ่มร้อนแรงเกินไป บริษัทบางแห่งถึงขั้นขายรถในราคาต่ำกว่าทุน ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางการแข่งขันที่เป็นธรรม
กระนั้น ไมเคิล ดันน์ ที่ปรึกษาที่ติดตามสถานการณ์ในอุตสาหกรรมรถจีนอย่างใกล้ชิด ตั้งข้อสังเกตว่า แม้มีการพูดถึงกระแสควบรวมกิจการในตลาดรถจีนมาหลายปี แต่อุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตไม่หยุด เนื่องจากแม้สงครามราคาของบีวายดีอาจทำให้บริษัทที่อ่อนแอบางแห่งล้มหายตายจาก แต่ก็จะมีผู้เล่นหน้าใหม่ผุดขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนเสมอ