ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับทิศทางธุรกิจในไทยครั้งใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนจากการผลิตในประเทศมาเป็นการนำเข้ารถยนต์จากอินโดนีเซียและอินเดียแทน โดยเตรียมเปิดตัวรถใหม่ 2 รุ่นในปี 2568 ได้แก่ ซูซูกิ FRONX ครอสโอเวอร์ B-SUV จากอินโดนีเซีย เปิดตัวไตรมาส 3 และ e VITARA รถยนต์ไฟฟ้าจากอินเดีย เตรียมเปิดตัวปลายปี
“เราเป็นค่ายรถเล็ก แต่เล็กพริกขี้หนู” – คำกล่าวจาก ทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ในการผลักดันแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและแตกต่าง
ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เคยประกาศยุติการผลิตที่โรงงานระยองภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างทั่วโลก การนำเข้ารถจากแหล่งผลิตหลักอย่างอินโดนีเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น จะช่วยให้บริษัทคงความสามารถในการแข่งขันในตลาดไทย
ทาดาโอะมิ ย้ำว่า แม้จะไม่มีฐานการผลิตในประเทศ แต่ประเทศไทยยังคงเป็น “ตลาดสำคัญ” ที่ซูซูกิจะไม่ละทิ้ง พร้อมเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะนำ รถ Kei Car ขนาดเล็ก มาทำตลาดไทยในอนาคต โดยอาจพัฒนาเป็นเวอร์ชันรถไฟฟ้าเพื่อตอบสนองเทรนด์ใหม่
ซูซูกิยังคงเน้นย้ำถึงจุดแข็งในความเป็นแบรนด์ที่ “ยูนีค” ทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ ความคุ้มค่า และการบริการหลังการขาย เช่น Jimny และ FRONX ที่ออกแบบมาเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเสริมความมั่นใจด้วยแคมเปญ WORRY FREE PROGRAM 777 มอบบริการดูแลหลังการขายนาน 7 ปี ทั้งการบำรุงรักษาฟรี การรับประกันคุณภาพ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
ในปี 2568 ซูซูกิตั้งเป้ายอดขาย 8,000 คัน แบ่งเป็น 6,000 คันจากรุ่นที่ทำตลาดอยู่ เช่น Swift, Celerio, Carry, XL7 และอีก 2,000 คันจากรุ่นใหม่อย่าง FRONX
แม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันรุนแรงและสงครามราคาภายในอุตสาหกรรม ซูซูกิยืนยันว่าจะไม่ลดแลกแจกแถม แต่จะใช้จุดขาย “คุณภาพและบริการ” เป็นหัวใจหลักในการสร้างความเชื่อมั่น
“ซูซูกิอาจเป็นค่ายรถเล็ก แต่เรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเติบโตในประเทศไทย” – ทาดาโอะมิ ปิดท้ายด้วยความมั่นใจในการเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่นี้ เพื่อรักษาความแกร่งของแบรนด์ในตลาดยานยนต์ไทยที่ไม่หยุดเปลี่ยนแปลง
