xs
xsm
sm
md
lg

ฮอนด้า มอเตอร์ ปรับกลยุทธ์รับกระแส EV แผ่ว เปิดเกมรุกไฮบริด เตรียมรถใหม่ 13 รุ่น ทั่วโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายโทชิฮิโระ มิเบะ
ในยุคที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ฮอนด้าเดินหน้าปรับทัพครั้งใหญ่ ด้วยการผลักดันรถยนต์ไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ขึ้นแท่นเป็น “หัวหอกหลัก” สู่การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคต พร้อมเตรียมเปิดตัวรถไฮบริด 13 รุ่นภายในปี 2031 ตั้งเป้ายอดขาย HEV ทะลุ 2.2 ล้านคันทั่วโลกภายในปี 2030

นายโทชิฮิโระ มิเบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธาน และซีอีโอระดับโลกของบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้แถลงแผนยุทธศาสตร์ด้านการขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ณ กรุงโตเกียว โดยให้ภาพรวมและทิศทางใหม่ของบริษัทในยุคที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะ “อิ่มตัวเร็วเกินคาด” ขณะที่ความต้องการรถยนต์ไฮบริด (HEV) ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

“แม้ EV จะยังเป็นอนาคต แต่ HEV คือปัจจุบันที่แข็งแกร่ง และเป็นสะพานสู่อนาคตที่เราต้องข้ามไปอย่างมีประสิทธิภาพ” – โทชิฮิโระ มิเบะ กล่าว


EV แผ่ว! ฮอนด้าปรับเป้าขายปี 2030 เหลือต่ำกว่า 30%

ฮอนด้าเปิดเผยว่า การขยายตัวของตลาด EV ในหลายภูมิภาคเริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัว สืบเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับแผนเปิดตัว EV ใหม่ทั่วโลก โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2030 จะ “ต่ำกว่าเป้าเดิมที่ 30%” ที่เคยประกาศไว้ แม้จะปรับลดเป้าหมาย ฮอนด้ายืนยันว่าจุดยืนยังไม่เปลี่ยน – รถยนต์ไฟฟ้ายังเป็น “ทางออกหลัก” ในระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และจะดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านในเวลาที่เหมาะสม



เขย่าตลาดด้วย HEV เจเนอเรชันใหม่ เปิดตัว 13 รุ่นทั่วโลกใน 4 ปี

ในทางกลับกัน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถ HEV กลายเป็นโอกาสสำคัญ ฮอนด้าจึงประกาศเปิดตัวรถไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ 13 รุ่น ภายในระยะเวลา 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2027 เพื่อสร้างไลน์อัปที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งรถขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึง SUV และรถขนาดใหญ่


ฮอนด้าตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย HEV ให้แตะ 2.2 ล้านคัน จากยอดขายรถยนต์รวม 3.6 ล้านคันทั่วโลกภายในปี 2030 พร้อมมุ่งยกระดับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน e:HEV ให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 10% โดยการพัฒนาเครื่องยนต์ ระบบไฮบริด แพลตฟอร์มใหม่ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งลดต้นทุนของ HEV ด้วยแผนลดต้นทุนชิ้นส่วนหลักอย่างแบตเตอรี่และมอเตอร์ให้ได้มากกว่า 50% เทียบกับปี 2018 และมากกว่า 30% จากรุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวในปี 2023



ADAS เจเนอเรชันใหม่ ยกระดับขีดความสามารถทั้ง EV และ HEV

อีกหนึ่งก้าวสำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยี “ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ” (ADAS) รุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยควบคุมการขับขี่ได้ตลอดเส้นทางทั้งในเมืองและทางด่วน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมซับซ้อนอย่างเขตเมือง ฮอนด้าได้นำประสบการณ์จากโครงการพัฒนารถไร้คนขับ มาสร้างระบบวางแผนพฤติกรรมและการรับรู้สิ่งแวดล้อมขั้นสูง


ADAS เจเนอเรชันใหม่นี้จะเริ่มติดตั้งในรถรุ่นใหม่ทั้ง EV และ HEV ที่เตรียมเปิดตัวในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่นราวปี 2027 และสำหรับในประเทศจีน ฮอนด้าจะพัฒนาร่วมกับบริษัท Momenta Global Limited เพื่อปรับระบบให้เข้ากับโครงสร้างถนนจีนโดยเฉพาะ

ระบบ ADAS ใหม่นี้ออกแบบภายใต้แนวคิด “Man Maximum, Machine Minimum” เพื่อให้สามารถติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงในรถขนาดเล็กได้โดยไม่กระทบต่อพื้นที่ภายในหรือดีไซน์ของรถ



Honda 0 Series: เสาหลักแห่งอนาคต EV – พร้อมเปิดตัวปี 2026

สำหรับอนาคตในระยะยาว ฮอนด้าเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ “Honda 0 Series” ในปี 2026 โดยเป็นรถยนต์ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Software-Defined Vehicle” (SDV) ใช้ระบบปฏิบัติการ ASIMO OS และมีความสามารถในการปรับแต่งการขับขี่แบบ “Ultra-personal optimization” ตามพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้รถรุ่นนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของยุคใหม่แห่งการเดินทางแบบอัจฉริยะ และวางเป้าหมายเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงในตลาด EV ระดับโลก



รถจักรยานยนต์: ขยายส่วนแบ่งสู่ 50%

ในธุรกิจรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าครองส่วนแบ่งตลาดโลก 40% ด้วยยอดขาย 20.57 ล้านคันในปีงบประมาณ 2025 และตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 50% ภายในปี 2031 โดยเฉพาะในตลาด “Global South” เช่น อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฮอนด้าจะเปิดตัวรุ่นไฟฟ้า เช่น Active e:, QC1, CUV e:, และ ICON e: ในหลายประเทศ รวมถึงพัฒนาโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอินเดีย ซึ่งจะเริ่มเดินสายการผลิตในปี 2028



เป้าหมายทางการเงินและยอดขาย

ฮอนด้าตั้งเป้าเพิ่มยอดขายรถยนต์รวมทั่วโลกให้สูงกว่า 3.6 ล้านคัน ภายในปี 2030 โดยมีสัดส่วนยอดขาย HEV ถึง 2.2 ล้านคัน และในปีงบประมาณ 2031 ฮอนด้าคาดว่าจะบรรลุ ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROIC) ระดับ 10% ด้วยการลดวงเงินลงทุนด้าน EV ลง 3 ล้านล้านเยน จากเดิม 10 ล้านล้านเยน เหลือ 7 ล้านล้านเยน พร้อมเพิ่มการลงทุนใน HEV เพียงเล็กน้อย และรักษาผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นที่มากกว่า 1.6 ล้านล้านเยน



ท่ามกลางความผันผวนของตลาด EV ฮอนด้าไม่หยุดนิ่ง หากแต่เลือก “หันคม” ไปสู่การพัฒนา HEV ให้แกร่งกว่าเดิม พร้อมเตรียม EV รุ่นใหม่ที่ชาญฉลาดกว่าเดิมรองรับอนาคต ด้วยเป้าหมายไม่เพียงแค่แข่งขันในตลาด แต่เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้คนทั่วโลกอย่างยั่งยืนในยุคคาร์บอนต่ำที่กำลังจะมาถึง


กำลังโหลดความคิดเห็น