เนต้า (Neta) หรือ Hozon Auto ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน กำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ทั้งในประเทศแม่และในตลาดต่างประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันจากคู่แข่งที่แข็งแกร่งและปัญหาทางการเงินที่สะสมมาตั้งแต่ปลายปี 2023 เป็นต้นมา
ข้อมูลล่าสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ระบุว่า ยอดขายรถเนต้าในจีนตกต่ำอย่างหนัก ลดลงมากกว่า 70% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้เนต้าแทบไม่เหลือที่ยืนในตลาดที่กำลังแข่งขันดุเดือด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายใหญ่เช่น BYD, Aion, Tesla และหน้าใหม่มาแรงอย่าง Xiaomi Auto
จึงทำให้เกิดกระแสข่าวว่า เนต้า จะอยู่รอดตลอดไปหรือไม่ รวมถึงประเทศไทยด้วย ทางเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้สอบถามไปยังเนต้า ประเทศไทย โดยนาย ซูน เปาหลง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) ได้ไขข้อสงสัยพร้อมเผยถึงแผนการการดำเนินธุรกิจในไทยที่จะทำในปีนี้
นาย ซูน เปาหลง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์ของเนต้าสำนักงานใหญ่ (HQ) เป็นอย่างไร และธุรกิจในประเทศไทยจะดำเนินต่อไปตามปกติหรือไม่นั้น ผมขอตอบว่า สำนักงานใหญ่ของเนต้า ไม่ได้ล้มละลาย และไม่มีแผนที่จะล้มละลาย ขณะนี้เนต้า HQ กำลังกลับมาดำเนินงานตามปกติผ่านมาตรการเชิงบวกต่าง ๆ เช่น การปรับโครงสร้างองค์กร การลงนามในข้อตกลงแลกหนี้เป็นทุนกับซัพพลายเออร์ การร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับลูกค้ารายสำคัญ และการส่งเสริมการจัดหาเงินทุนใหม่อย่างแข็งขัน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนี้ที่เป็นข่าวลือ นั้นที่ระบุว่าเนต้า มีหนี้ 9 พันล้านบาทนั้นไม่ถูกต้อง ณ กลางเดือนเมษายน เนต้า HQ ได้บรรลุข้อตกลงการแลกหนี้เป็นทุนกับซัพพลายเออร์ในวงเงินมากกว่า 2.2 พันล้านบาท และขณะนี้ยังมีซัพพลายเออร์รายอื่นที่กำลังอยู่ในกระบวนการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันทางหนี้สินลงอย่างมาก เพื่อให้บริษัทสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ
“เนต้ามีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและสิทธิบัตรในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ โดยมีแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ 2 แพลตฟอร์ม และได้เปิดตัวรถยนต์มากกว่า 8 รุ่น ครอบคลุมตลาดหลายประเภท เช่น รถประหยัดพลังงาน (ECO CAR) ซีดาน (SEDAN) SUV และรถสปอร์ต (SPORT CAR) พร้อมฐานผู้ใช้งานมากกว่า 460,000 รายทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาของ NETA ในอนาคต”
ยอมรับว่าอุปสรรคที่ เนต้า กำลังเผชิญอยู่เป็นความยากลำบากเพียงชั่วคราว อันที่จริงแล้ว แบรนด์รถยนต์หลายรายก็เคยเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ในกระบวนการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนต้า มุ่งมั่นที่จะเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ และจะยังคงให้บริการผู้บริโภคทั่วโลก
ในประเทศไทย "เรายังไปต่อ" พร้อมยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงช่วงเปลี่ยนผ่าน ปัจจุบันเนต้ามีผู้ใช้งานกว่า 25,000 ราย และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างลึกซึ้ง เนต้า จะยังคงดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมแก้ไขปัญหาหลังการขาย และพัฒนาการให้บริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพต่อไป
ส่วนการผลิต เนต้า V ยังคงดำเนินอยู่ที่โรงงาน บางชันเยนเนลเรลเอเซมบลี (BGAC) เราได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ BGAC โดยทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมการเพื่อเริ่มการผลิตรุ่นเนต้า V-II เมื่อทุกอย่างพร้อม การผลิตจะกลับมาดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย
“ตอนนี้บริษัทได้มีการคุยกับบางชันเยนเนลเรลเอเซมบลี เพื่อกลับมาดำเนินการผลิต Neta V-II ต่อเหมือนเดิมในเร็ว ๆนี้ และเตรียมเปิด " New Spare Parts Distribution Center ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ และพร้อมให้บริการตั้งแต่กลางพฤษภาคม เป็นต้นไป โดยได้มีการแต่งตั้ง Hong Kong Solar Technology Co., Ltd. เป็นพันธมิตรหลักในการจัดหาอะไหล่ป้อนให้กับประเทศไทย”
ศูนย์กระจายอะไหล่ (Spare Parts Distribution Center) แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ อยู่บนถนนเพชรเกษม ด้วยพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการจัดเก็บ และกระจายอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า NETA ไปยังผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว
ศูนย์กระจายอะไหล่แห่งนี้จะเริ่มเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในกลางเดือนพฤษภาคม 2568 โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัท นครชัยศรี ออโตโมบิล จำกัด เป็นผู้ดูแลการบริหารจัดการศูนย์แห่งนี้อย่างเป็นทางการ ”โดยศูนย์ดังกล่าวสามารถรองรับการจัดเก็บอะไหล่มากกว่า 120,000 ชิ้น และสามารถกระจายการจัดส่งไปยังผู้จำหน่ายทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าปัจจุบัน และในอนาคตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นาย ซูน เปาหลง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากศูนย์กระจายอะไหล่แล้ว เนต้ายังมีแผนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม (Training Center) และ ศูนย์บริการทางเทคนิค (Technical Service Center) เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรอบรมกระบวนการเรียนรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการหลังการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเนต้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ เนต้า ในการสร้างมาตรฐานใหม่ของบริการหลังการขายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างระบบบริการหลังการขายแบบครบวงจร
การเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ เนต้า ในการยกระดับบริการหลังการขาย โดยเน้นการให้บริการที่รวดเร็ว ทันสมัย และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย
แม้สถานการณ์จะไม่ง่าย เพราะคู่แข่งในตลาดไทยทั้งแบรนด์จีนและญี่ปุ่นต่างเร่งปักหมุดอย่างจริงจัง แต่หากเนต้าสามารถแก้เกมบริการหลังการขายและรักษาเครือข่ายดีลเลอร์ให้แข็งแรงได้ภายในปีนี้ โอกาสที่จะยืนระยะในไทย ก็ยังพอมีอยู่
ปี 2025 จึงไม่ใช่แค่ปีแห่งการฟื้นตัวของเนต้าประเทศไทย แต่เป็นปีที่เดิมพันอนาคตของแบรนด์นี้ทั้งโลกเอาไว้ด้วย