Ferrari เขย่าวงการยานยนต์โลกอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Ferrari 12Cilindri ยนตรกรรมแกรนด์ทัวเรอร์ (GT) รุ่นใหม่ที่สืบทอดเครื่องยนต์ V12 พร้อมผสานรูปลักษณ์อันล้ำสมัยเข้ากับกลิ่นอายความคลาสสิกแบบเฟอร์รารี่ดั้งเดิม ทั้งในเวอร์ชันตัวถังคูเป้ (Berlinetta) และเปิดประทุน (Spider) รุ่นนี้คือจุดลงตัวแห่งสมรรถนะระดับสูง ความหรูหรา และศิลปะทางวิศวกรรมที่ถ่ายทอด DNA ของแบรนด์ม้าลำพองอย่างเต็มเปี่ยม
รถทั้งสองรุ่นถูกพัฒนาโดยยึดปรัชญาดั้งเดิมของ Ferrari ที่เน้นสมรรถนะอันเร้าใจ พร้อมการออกแบบที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยยังคงใช้ขุมพลังระดับตำนานอย่างเครื่องยนต์ V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) วางหน้า ให้พละกำลังสูงสุด 830 แรงม้า และรอบเครื่องสูงสุด 9,500 รอบ/นาที อีกทั้งยังให้แรงบิดกว่า 80% ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 2,500 รอบ/นาที มอบอัตราเร่งทันใจต่อเนื่องจนถึงเรดไลน์
Ferrari 12 Cilindri และเวอร์ชันเปิดประทุน Spider ได้รับแรงบันดาลใจจากรถ Gran Tourer สุดคลาสสิกของแบรนด์ในยุค 1950-1960 ผสานเข้ากับงานออกแบบล้ำสมัย เรียบง่ายแต่สง่างาม โดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้าแบบเปิดจากด้านหน้า และท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเครื่องยนต์ V12
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ แอโรไดนามิกแบบแอคทีฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และห้องโดยสารที่เน้นความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการขับทางไกล โดยเฉพาะรุ่น Spider ที่สามารถเปิดหลังคารับลมได้อย่างเต็มที่
Ferrari ชู 12Cilindri และ 12Cilindri Spider ว่าเป็นยนตรกรรมที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับผู้หลงใหลในการขับขี่อย่างแท้จริง หรือเหล่า “Ferraristi ตัวจริง” ที่ต้องการสัมผัสพลังและเสียงอันไพเราะของเครื่องยนต์ V12 แบบคลาสสิกอีกครั้งในยุคแห่งความทันสมัย
ดีไซน์ภายนอก เรียบง่าย แต่ทรงพลัง
ตัวถังของ Ferrari 12Cilindri มาในแนวคิดใหม่ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยใช้เส้นสายสะอาดตา ลดทอนความซับซ้อนของพื้นผิวเพื่อสร้างความรู้สึก “ไร้รอยต่อ” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของดีไซน์ใหม่ เส้นแนวนอนและพื้นผิวโค้งถูกหล่อหลอมเข้ากันอย่างลงตัว ให้มิติที่สง่างามแข็งแกร่ง ทั้งยังสะท้อนจิตวิญญาณความเย้ายวนสไตล์ Ferrari อย่างแท้จริง
จุดเด่นอีกจุดอยู่ที่การออกแบบไฟหน้าแบบบูรณาการเข้ากับแถบไฟ DRL แนวยาวราวกับใบมีด สื่อถึงแนวคิดเชิงเรขาคณิตแทนที่โครงสร้างไฟหน้าดั้งเดิม ขณะที่ด้านท้ายรถเลือกใช้ดีไซน์แนวนอนเรียบเฉียบเช่นเดียวกัน เพิ่มความโฉบเฉี่ยวและสมดุลโดยไม่ต้องพึ่งพาปีกหลังแบบเดิม แต่ใช้แผ่นรับอากาศแบบแอคทีฟซ่อนไว้ในกระจกหลังแทน ทำให้ดูสะอาดและล้ำสมัยยิ่งขึ้น
ชุดท่อไอเสียใหม่ออกแบบมาให้ดูเล็กกระทัดรัด ล้อมกรอบด้วยโลหะเพื่อเสริมมิติ และดิฟฟิวเซอร์ท้ายเสริมภาพลักษณ์ให้ตัวถังดูเบาราวกับลอยอยู่ ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์เสริมให้ภาพรวมดูเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
ห้องโดยสาร หรูหรา เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
Ferrari 12Cilindri ภูมิใจนำเสนอห้องโดยสารแบบ “ค็อกพิตคู่” ที่เน้นความสมมาตรและแยกสัดส่วนชัดเจนเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ส่วนบนของแดชบอร์ด พื้นที่กลาง และเบาะนั่ง โดยใช้วัสดุหลากหลายและการตัดสีเพื่อเน้นความแตกต่างระหว่างฝั่งผู้ขับและผู้โดยสาร ทั้งยังเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งด้วยหลังคากระจกเคลือบฟิล์มพิเศษที่ควบคุมอุณหภูมิได้ดีเยี่ยม
วัสดุภายในเลือกใช้แบบยั่งยืน เช่น Alcantara ที่รีไซเคิลได้ถึง 65% สะท้อนความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม โดยไม่ลดทอนความหรูหราในแบบฉบับของ Ferrari เลยแม้แต่น้อย
เทคโนโลยีภายในประกอบด้วยระบบ Human Machine Interface (HMI) รุ่นใหม่ ที่ติดตั้งจอแสดงผล 3 ตำแหน่ง ได้แก่ จอหลักขนาด 10.25 นิ้วแบบสัมผัส, จอสำหรับผู้ขับขนาด 15.6 นิ้ว และจอผู้โดยสารขนาด 8.8 นิ้ว เพื่อการควบคุมและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ระบบสัมผัสบนพวงมาลัยช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้รวดเร็วแม้ขณะขับขี่อย่างเร้าใจ
ระบบความบันเทิงจัดเต็มด้วยเครื่องเสียงไฮเอนด์จาก Burmester® ที่มีลำโพง 15 ตัว และกำลังขับ 1600 วัตต์ พร้อม Ring Tweeter และ Ultraflat Headliner สร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางสมจริง
ขุมพลัง V12 สุดยอดนวัตกรรมที่ผสานพลัง เสียง และสมรรถนะ
Ferrari เผยรายละเอียดขุมพลัง V12 รุ่นล่าสุด รหัส F140HD ที่ติดตั้งใน 12Cilindri และ 12Cilindri Spider ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของแบรนด์ Ferrari มาโดยตลอด โดยสามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 830 แรงม้า พร้อมรอบเครื่องยนต์ทะยานได้ถึง 9,500 รอบ/นาที สร้างเสียงคำรามอันทรงพลังที่สะท้อนตัวตนของ Ferrari ได้อย่างแท้จริง
เครื่องยนต์ใหม่นี้ได้รับการปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน ทั้งชิ้นส่วนภายในที่ใช้ ก้านสูบไทเทเนียม และ ลูกสูบอะลูมิเนียมอัลลอยน้ำหนักเบา รวมถึง เพลาข้อเหวี่ยงที่ลดน้ำหนักลง 3% ช่วยให้รอบเครื่องพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมเทคโนโลยี Follower แบบ DLC ที่พัฒนาจาก F1 เพิ่มความแม่นยำและลดแรงเสียดทานให้การทำงานของวาล์วราบรื่นและทนทานยิ่งขึ้น
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ ซอฟต์แวร์จัดการแรงบิดตามเกียร์ ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเครื่องยนต์ NA ช่วยให้กำลังส่งต่อเนื่องตามอัตราทดเกียร์ พร้อมด้วยเทคโนโลยี Aspirated Torque Shaping (ATP) ที่ปรับแรงบิดในเกียร์ 3 และ 4 ให้ลื่นไหลและเร้าใจโดยไม่สูญเสียความแรง
ระบบไอดีและไอเสียออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยเน้นสมรรถนะและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ท่อไอดีแบบแปรผัน และท่อร่วมไอเสีย 6-รวม-1 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้เสียงที่นุ่มลึกแต่ดุดันแบบ Ferrari V12 อย่างแท้จริง ทั้งยังผ่านมาตรฐานไอเสียยุโรปและจีนรุ่นล่าสุด
ระบบส่งกำลัง Ferrari 12Cilindri มาพร้อม เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 8 จังหวะ (DCT) ซึ่งเร็วกว่าเกียร์ในรุ่นก่อนถึง 30% พร้อมอัตราทดที่ชิดขึ้นและการตอบสนองที่ไวกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยเพิ่มแรงบิดที่ล้อตั้งแต่เกียร์ต่ำและประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นในการเดินทางไกล
ด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมทางวิศวกรรม เสียงที่ไพเราะเฉพาะตัว และสมรรถนะขั้นสุด Ferrari 12Cilindri จึงไม่ใช่แค่รถ V12 คันใหม่ แต่คือผลงานชิ้นเอกที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการขับขี่อย่างแท้จริงของม้าลำพองจากมาราเนลโล
ระบบควบคุมไดนามิกส์ – เทคโนโลยีสนามแข่งในรถถนน
จุดเด่นของ 12Cilindri คือการประยุกต์ใช้ระบบควบคุมที่ล้ำสมัยหลายระบบร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ด้านแฮนด์ลิ่งและเสถียรภาพ ไม่ว่าจะเป็น Brake-by-wire ที่แม่นยำ ระบบ Virtual Short Wheelbase 3.0 (PCV) ที่ควบคุมมุมล้อหน้า-หลังเพื่อการเลี้ยวที่เฉียบคม ระบบ Side Slip Control 8.0 (SSC 8.0) ที่ประเมินแรงยึดเกาะได้แม้ขณะเลี้ยว และ ABS Evo ที่ช่วยให้เบรกแม่นยำแม้เบรกติดต่อกันซ้ำๆ
ระบบ SSC 8.0 นั้นถือเป็นหัวใจของไดนามิกส์ในรุ่นนี้ โดยประมวลผลร่วมกับเซ็นเซอร์ 6D เพื่อวิเคราะห์แรงยึดเกาะและส่งข้อมูลแบบ Real-time ไปยังแต่ละระบบควบคุม ทำให้รถตอบสนองได้แม่นยำทั้งบนถนนแห้งและพื้นผิวลื่น พร้อมรองรับการเรียนรู้ลักษณะการขับขี่แบบอัตโนมัติ เพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในทุกสถานการณ์
อีกหนึ่งไฮไลต์คือระบบเลี้ยวล้อหลังแบบอิสระ 4WS ที่แยกการควบคุมแอคชูเอเตอร์ของแต่ละล้อหลัง ช่วยให้รถตอบสนองได้ดีขึ้นในโค้งแคบและเมื่อเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็ว ทำงานร่วมกับการกระจายน้ำหนักที่สมดุล (หน้า 48.4% / หลัง 51.6%) และฐานล้อที่สั้นลง 20 มม. เมื่อเทียบกับ 812 Superfast เพื่อเพิ่มความกระฉับกระเฉงให้กับตัวรถ
พิสูจน์สมรรถนะอันน่าเกรงขามของเครื่องยนต์ V12
สำหรับการทดสอบขับ Ferrari 12Cilindri จัดขึ้นที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิแตะระดับ 35 องศาเซลเซียส เส้นทางทดสอบถูกจัดวางผสมผสานทั้งทางตรงยาวสำหรับทดสอบอัตราเร่ง และโค้งหลากหลายรูปแบบ เพื่อจำลองสถานการณ์การขับขี่ในชีวิตจริงได้อย่างสมบูรณ์
การทดสอบขับ 12Cilindri บนเส้นทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ เผยให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของการออกแบบทั้งระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง เครื่องยนต์ V12 ตอบสนองด้วยพลังที่พุ่งทะยานทันทีที่กดคันเร่ง เสียงคำรามที่ทะลุผ่านเส้นรอบเครื่องสูงสุดกว่า 9,000 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทะยานผ่านทางตรงยาวด้วยความเร็วที่คงความนิ่งแน่นและมั่นใจ สร้างความตื่นเต้นแบบแทบหยุดหายใจ ขณะที่เกียร์ F1 DCT 8 จังหวะเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วและนุ่มนวลจนแทบไร้รอยต่อ
ในส่วนของโค้งท้าทายหลายรูปแบบ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าพร้อมระบบเลี้ยวล้อหลัง (4WS) ช่วยให้ 12Cilindri เปลี่ยนทิศทางได้อย่างว่องไว แม่นยำ และเป็นธรรมชาติ การเข้าโค้งแคบด้วยความเร็วสูงสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าที่คาดหมาย ด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เบากระชับและการตอบสนองที่เป็นธรรมชาติ มันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะของรถแข่งกับความหรูหราแบบ GT ได้อย่างลงตัว ตัวรถเกาะแน่นกับพื้นถนนโดยแทบไม่รู้สึกถึงอาการโคลง หรือการสูญเสียการยึดเกาะแม้แต่น้อย
ช่วงล่างที่จูนมาอย่างพิถีพิถันทำงานได้อย่างโดดเด่น แม้ในจุดที่พื้นผิวไม่สมบูรณ์ ก็ยังคงซับแรงสะเทือนออกจากห้องโดยสารได้ดี โดยไม่สูญเสียความเฉียบคมของการตอบสนอง ระบบ SSC 8.0 และ Brake-by-Wire ทำให้การควบคุมในสถานการณ์ฉุกเฉินรวดเร็วและแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ
แม้ในอุณหภูมิภายนอกที่ร้อนจัด ระบบระบายความร้อนทั้งตัวเครื่องยนต์และเบรกยังทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีอาการเฟดหรืออ่อนกำลังให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว แสดงถึงประสิทธิภาพด้านวิศวกรรมขั้นสูงที่ Ferrari บรรจงรังสรรค์มาอย่างละเอียด
Ferrari 12Cilindri ไม่เพียงแต่พิสูจน์สมรรถนะอันน่าเกรงขามของเครื่องยนต์ V12 แต่ยังเผยให้เห็นถึงความกลมกลืนระหว่างพลังมหาศาลกับความหรูหราสง่างามในทุกช่วงเวลาของการขับขี่ การควบคุมที่ง่ายดายแม้ในสถานการณ์กดดันสูง เสียงเครื่องยนต์ที่ปลุกเร้าอารมณ์ และการตอบสนองที่ตรงใจทุกครั้งที่หมุนพวงมาลัย คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า นี่คือ Ferrari ยุคใหม่ที่ยังคงจิตวิญญาณของตำนาน V12 ได้อย่างเต็มเปี่ยม และพร้อมจะก้าวข้ามทุกขีดจำกัดบนท้องถนนจริง
สนนราคา Ferrari 12Cilindri : 40.05 ล้านบาท และ Ferrari 12Cilindri Spider : 43.89 ล้านบาท