สื่อเผยเทสลาเลื่อนแผนผลิต Model Y เวอร์ชันราคาประหยัด ซึ่งเป็นความหวังในการพลิกฟื้นยอดขายที่ดำดิ่ง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการโลดแล่นบนเวทีการเมืองของมัสก์ที่กำลังทำลายความภักดีต่อแบรนด์อีวีนี้อย่างรุนแรง โดยล่าสุดยังมีรายงานว่า ยอดเทรด-อินเทสลาเดือนมีนาคมในอเมริกาพุ่งลิ่วถึง 250%
ก่อนหน้านี้ เทสลา บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของอเมริกา ประกาศว่า จะเริ่มผลิตอีวีราคาประหยัดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายที่ดิ่งลง โดยคาดกันว่า การผลิต Model Y ราคาถูกลงที่มีชื่อรหัสว่า E41 ทั่วโลกจะเริ่มต้นจากอเมริกาเป็นที่แรก และรอยเตอร์ยังรายงานว่า แผนการนี้จะขยายไปยังจีนและยุโรปในอนาคต
ทว่า ล่าสุดแหล่งข่าวเผยว่า โปรเจ็กต์นี้จะเลื่อนออกไป 2-3 เดือน โดยบริษัทได้ปรับเป้าหมายกว้างๆ เป็นไตรมาส 3 ปีนี้จนถึงต้นปีหน้า แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ชัดเจน
บรรดาแฟนคลับและนักลงทุนของเทสลาต่างตั้งตารออีวีตลาดแมสที่ราคาถูกลง เนื่องจากหวังว่า จะช่วยดึงลูกค้ากลุ่มใหม่เพื่อฟื้นยอดขายและส่วนแบ่งตลาดที่ดำดิ่งของเทสลา
เดือนมีนาคม รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า เทสลาจะเปิดตัว E41 ในจีนปีหน้า โดยจะมีขนาดเล็กกว่าและต้นทุนถูกกว่า Model Y รุ่นปรับโฉม 20% ส่วนกำหนดเวลาผลิตในยุโรปยังไม่มีความชัดเจน
แหล่งข่าวอีก 3 คนยังเผยว่า เทสลากำลังวางแผนเปิดตัว Model 3 เวอร์ชันใหม่ที่ตัดฟีเจอร์พิเศษบางอย่างออก
ทั้งนี้ อีลอน มัสก์ ซีอีโอคนดัง เคยให้สัญญาว่า จะเปิดตัวแพลตฟอร์มอีวีใหม่ราคาเพียง 25,000 ดอลลาร์ แต่แล้วกลับล้มเลิกและหันไปดันการพัฒนาโรโบแท็กซี่โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด รวมถึงการผลิตอีวีราคาประหยัดจากแพลตฟอร์ม Model Y เดิมแทน ซึ่งล่าสุดถูกเลื่อนการผลิตตามรายงานของรอยเตอร์
เทสลากำลังเผชิญมรสุมข่าวร้ายมากมาย ต้นปีนี้บริษัทรายงานยอดจัดส่งปี 2024 ตกลงเป็นครั้งแรก แถมนักวิเคราะห์ยังคาดว่า ยอดขายปีปัจจุบันมีแนวโน้มซึมต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการขาดแคลนอีวีรุ่นใหม่ๆ รวมทั้งเวอร์ชันราคาประหยัด
ผู้ผลิตรถทุกรายยังเผชิญแนวโน้มต้นทุนพุ่งและห่วงโซ่อุปทานชะงักงัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรีดภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนนำเข้า 25%
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทสลาพยายามเพิ่มการจัดหาชิ้นส่วนรถรุ่นต่างๆ ในอเมริกาเหนือ ซึ่งแหล่งข่าวบอกว่า จะช่วยลดต้นทุนภาษีศุลกากรสำหรับ E41 และก่อนหน้านี้บริษัทยังระงับแผนจัดส่งชิ้นส่วนไซเบอร์แคปและเซมิทรัคจากจีนไปยังอเมริกาเนื่องจากภาษีศุลกากรของทรัมป์
อีกหนึ่งปัจจัยลบที่ชัดเจนอย่างยิ่งคือ การที่มัสก์ทำงานใกล้ชิดทรัมป์ อีกทั้งยังสนับสนุนนักการเมืองขวาจัดในยุโรป ซึ่งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงแบรนด์เทสลา โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เอ็ดมันด์รายงานว่า ยอด Trade-in หรือรถเก่าแลกรถใหม่ของเทสลาประจำเดือนมีนาคมในอเมริกาทำสถิติสูงสุดตลอดกาล นอกจากนั้นยังพบว่า คนอเมริกันจำนวนมากขึ้นดูเหมือนพร้อมเลิกสนับสนุนอีวีแบรนด์นี้
ข้อมูลของเอ็ดมันด์แจงว่า ยอดเทรด-อินเทสลาตั้งแต่รุ่นปี 2017 พุ่งขึ้นถึง 250% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ขณะที่ซีบีเอส นิวส์ระบุว่า ผู้ใช้เหล่านั้นจำนวนมากเทรดเทสลาเป็นรถยี่ห้ออื่น
เจสซิกา คัลด์เวลล์ หัวหน้าแผนกข้อมูลเชิงลึกของเอ็ดมันด์ ชี้ว่า ความภักดีต่อแบรนด์กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของเทสลา ซึ่งนอกเหนือจากการที่มัสก์มีบทบาทมากขึ้นในคณะบริหารของทรัมป์แล้ว สาเหตุยังมาจากความกังวลเกี่ยวกับค่าเสื่อมของรถเทสลา และภาวะตลาดอิ่มตัวในหลายเมืองใหญ่ที่ทำให้ผู้ที่ขับเทสลามานานเริ่มถอดใจและมองหาแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้าไปแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยการเสนอราคาที่ดีกว่า เทคโนโลยีใหม่ หรือแค่เป็นแบรนด์ที่ไม่เจอกระแสต่อต้านหนักแบบเทสลาในขณะนี้
ขณะเดียวกัน ดัชนีรถมือสองของคาร์ กูรูยังชี้ว่า ราคารถมือสองของเทสลาในอเมริกาเดือนมีนาคมลดลง 1.34% ขณะที่ราคารถมือสองโดยรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2%
ไม่เฉพาะเจ้าของเทสลาเท่านั้น การสำรวจกิจกรรมการท่องเว็บยังบ่งชี้ว่า ความสนใจในรถใหม่ของเทสลาประจำเดือนกุมภาพันธ์ขยับลง 1.8% ต่ำที่สุดนับจากเดือนตุลาคม 2022 จากที่พุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 3.3% ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเดือนที่อเมริกาจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและผู้ชนะคือทรัมป์