xs
xsm
sm
md
lg

อีซูซุ ชูกลยุทธ์ คุณภาพรถ ประหยัด ทนทาน คุ้มค่า บริการดี สู่เป้าปีนี้ 87,000 คัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหาร บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประกอบด้วย นายทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ ,ปนัดดา เจณณวาสิน ประธานที่ปรึกษา , มิชิมาสะ โคโนะ รองกรรมการผู้จัดการ และ วิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ถึงทิศทางการทำตลาดรถในปีนี้ พร้อมแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์รถยนต์ในปัจุบบัน
ภาวะตลาดรวมในปัจจุบัน
สถานการณ์ตลาดรถปิกอัพในปีนี้ จะยังไม่กระเตื้องขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วรถปิกอัพมียอดจำหน่ายรวมทั้งตลาด 163,000 คัน สำหรับปีนี้เราคาดว่ารถปิกอัพ อีซูซุ และ รถ Isuzu Mu-X (PUP + PPV) จะขายได้รวม 76,000 คัน และรถขนาดกลาง-ใหญ่ (CV) จะได้ 11,000 คัน

อีซูซุคาดการณ์ตลาดรวมรถทั้งประเทศจะไป 570,000 คัน เท่าปีที่แล้วหรือไม่
เราคาดว่าน่าจะใกล้เคียงเดิม เนื่องจากสถานการณ์ไฟแนนซ์ยังคงเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิม ทั้งนี้เรายังไม่ได้คิดรวมกับแคมเปญของ บสย.


การลงทุนเรื่องส่งออกรถปิกอัพอีวี จะสามารถเริ่มในปีนี้ได้หรือไม่
ตามที่เราเคยสัมภาษณ์ไว้ เรื่องการลงทุนในระยะ 4 ปี (ค.ศ. 2024-2028) ที่จะลงทุน 32,000 ล้านบาท ยังคงเป็นไปดังเดิม สำหรับการส่งออกไปจำหน่ายในทวีปยุโรป เริ่มต้นจากประเทศนอร์เวย์ โดยจะเริ่มในกลางปีนี้ โดยท่านประธานฯ เสริมว่า เงินลงทุนจำนวน 32,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนกลางปี 2024 ถึง ปี 2028 ไม่ได้เป็นการลงทุนอีวีอย่างเดียว แต่ยังลงทุนปรับปรุงด้านอื่น ๆ ในโรงงานด้วย ที่ภายในระยะเวลา 4 ปี เราจะใช้เวลาลงทุนประมาณนี้


ภาพรวมตลาดรถยนต์ไม่สดใส กลยุทธ์การตลาดของอีซูซุ มีการปรับเปลี่ยนอย่างไร
สำหรับมาตรการต่าง ๆ ที่แต่ละค่ายรถยนต์ใช้ จำเป็นต้องปรับตามให้เข้ากับภาวะตลาดที่เกิดขึ้นจริง สำหรับรถปิกอัพหดตัว มีปัญหาเรื่องไฟแนนซ์ แต่ถ้าเงื่อนไขเหล่านี้คลี่คลายลงตลาดรถปิกอัพปรับตัวดีขึ้น แต่หากยังเหมือนเดิมก็คงมียอดเท่าเดิม

สำหรับอีซูซุใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสื่อสารกลุ่มเป้าหมาย คือ “Isuzu Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” เพื่อตอกย้ำแบรนด์อีซูซุที่ผู้ใช้ชาวไทยไว้วางใจตลอด 68 ปีที่ผ่านมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามแบบฉบับญี่ปุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างแท้จริง นั่นคือ คุณภาพดีที่สุด ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ทนทานที่สุด คุ้มค่าเงินสูงสุด พร้อมการบริการดูแลและสร้างความพอใจแก่ผู้ใช้ตลอดอายุการใช้งาน อีกทั้งอีซูซุยังให้ความสำคัญต่อคุณค่าทางสังคมไทย ด้วยการผลิตรถที่เน้นการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากที่สุด เช่น รถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปประเทศ ต่าง ๆ ทั่วโลก ใช้ชิ้นส่วนไทยมากกว่า 90% ก่อให้เกิดห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ที่แข็งแกร่งของไทยในระดับโลก เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจไทยตลอดมา ซึ่งเราต้องการใช้กลยุทธ์นี้สื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจว่า อีซูซุ เป็น “Trusted Buddy” ที่อยู่เคียงคู่ไทย และคนไทย”

สถานการณ์ยอดจำหน่าย 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
อีซูซุมียอดจำหน่าย 2 เดือนแรก ในทุกประเภท คือ ปิกอัพ Isuzu D-Max, รถอเนกประสงค์ MU-X และรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวม 12,965 คัน เทียบกับปีที่แล้ว 15,583 คัน ลดลง 16.8%



นโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ มีผลกระทบต่ออีซูซุหรือไม่อย่างไร
ในความเห็นอีซูซุ มองว่า จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย หรืออุตสาหกรรมไทยเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ แต่สิ่งที่น่าจะกระทบแน่ ๆ คือ การผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ต่าง ๆ ที่ส่งไปที่อเมริกา แต่สำหรับรถยนต์นั้นจะต้องรอประเมินสถานการณ์อีกที ทั้งนี้อีซูซุไม่มีส่งออกไป

ความคิดเห็นต่อมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ของ บสย.
อีซูซุชื่นชมต่อแนวคิดของรัฐบาล โดยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีงาม อย่างที่ทราบดีว่าตลาดรถปิกอัพหดตัวลงเนื่องจากข้อกำหนดที่รัดกุมของบริษัทไฟแนนซ์ ขณะนี้ บสย. อยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ซึ่งยังไม่ทราบบทสรุป แต่อีซูซุคิดว่ามาตรการดังกล่าวเป็นประโยชน์กับลูกค้ามากเลย ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปในไม่นานนี้

มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ช่วยกระตุ้นตลาดปิกอัพได้อย่างไร
ผลตอบรับจะดีมาก-น้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของบทสรุปรัฐบาลจะประกาศ ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นรายละเอียดที่ดีพอสมควรสำหรับการกระตุ้นตลาดรถปิกอัพ ส่วนอัตราการค้ำประกันจาก บสย. เราไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ เรื่องจากยังมีรายละเอียดปีกย่อยอื่น ๆ ระหว่าง บสย. กับ ธนาคารต่างๆ ซึ่งต้องรอรายละเอียด


กำลังโหลดความคิดเห็น