xs
xsm
sm
md
lg

จีน เปิดตัว Flash Charging เทคโนโลยีทลายข้อจำกัดการใช้ BEV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เรื่องของแท่นชาร์จ และรถยนต์พลังไฟฟ้า เหมือนกับไก่กับไข่ สิ่งไหนมาก่อนมาหลังไม่ใช่ประเด็น ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุน และผู้ที่อยู่ในตลาดนั้นๆ แต่สำหรับตลาดที่มีรถยนต์พลังไฟฟ้ามากพอในระดับหนึ่ง รวมถึงภาครัฐและเอกชนต้องการผลักดันให้คนหันมาใช้รถยนต์ประเภทนี้มากขึ้นนั้น แค่ตัวเลขของประชากรรถยนต์พลังไฟฟ้าต่อแท่นชาร์จสาธารณะที่เหมาะสมอาจจะยังไม่เพียงพอ แต่จะต้องรวมถึงประสิทธิภาพของระบบการชาร์จที่จะต้องทลายข้อจำกัดสำคัญของรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างระยะเวลาในการชาร์จได้อีกด้วย

ขณะนี้ ที่ประเทศจีนกำลังเกิดสงครามพลังงานของเครื่องชาร์จรถยนต์พลังไฟฟ้า โดยผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศต่างต่อสู้เพื่อชิงความเป็นใหญ่ เมื่อปีที่แล้ว แบรนด์จีนได้ประกาศผลิตเครื่องชาร์จที่สามารถจ่ายไฟได้มากกว่า 500 กิโลวัตต์ ล่าสุด BYD ประกาศว่าได้เพิ่มจำนวนเครื่องชาร์จเป็นสองเท่าด้วยระบบที่สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ในเวลาใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันเต็มถัง

และนั่นทำให้หลายแบรนด์รถยนต์พลังไฟฟ้าในจีนต่างพยายามนำเสนอแท่นชาร์จสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและให้ความรวดเร็วในแบบ Mega Fast Charging หรือ Flash Charging ในระดับ 1,000 กิโลวัตต์ หรือ 1 เมกะวัตต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกมองว่าจะเป็นตัวเร่งให้รถยนต์พลังไฟฟ้าสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ และทำให้สามารถขยายตัวเพื่อเข้ามาทดแทนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในได้


BYD นำร่องเริ่มนำมาใช้เดือนเมษายนนี้

สถานีชาร์จเร็วพิเศษแห่งแรกของ BYD ที่มีกำลังชาร์จสูงถึง 1,000 กิโลวัตต์ หรือ 1 เมกะวัตต์ จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายนนี้ หลังจากมีการประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าวเมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดย BYD มีแผนการก่อสร้างสถานี Flash Charging ที่มีขนาด 1 เมกะวัตต์ จำนวน 4,000 แห่งภายในปีนี้ แต่ 500 แห่งแรกจะต้องพร้อมให้บริการเมื่อรถยนต์ซีดาน Han L และ SUV (รถยนต์อเนกประสงค์) Tang L เปิดตัวในต้นเดือนเมษายน

การเข้าไปมีส่วนในการกระตุ้นให้รถยนต์พลังไฟฟ้าข้ามข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการรอขณะที่ต้องชาร์จไฟฟ้านั้น เป็นหัวข้อที่ BYD ให้ความสนใจและมองหาโซลูชั่นในการจัดการเรื่องนี้มานาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พวกเขาได้เปิดตัว Flash Charging ขนาด 1,000 กิโลวัตต์ โดยระบุว่าเมื่อชาร์จเพียง 1 วินาทีจะมีกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่เพียงพอในการแล่นทำระยะทาง 2 กิโลเมตร และถ้าชาร์จเพียงแค่ 5 นาทีจะแล่นได้ถึง 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ตามแผนงานของบริษัท พวกเขาจะดำเนินการก่อสร้างสถานีแบบ Flash Charging จำนวน 4,000 แห่งทั่วประเทศจีนภายในปีนี้ โดยตามหลักการทำงานคร่าวๆ นั้น BYD เปิดเผยว่า จะมีการติดตั้งอุปกรณ์กักเก็บพลังงานเข้ากับสถานี Flash Charging เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานในการชาร์จได้ 1,000 กิโลวัตต์แม้ในพื้นที่ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ โดยอุปกรณ์นี้จะทำหน้านี้เหมือนกับแหล่งกำลังไฟสำรองที่สถานีเหล่านี้จะดึงกระแสไฟฟ้าไปใช้



ก่อนหน้านี้ ทาง BYD ได้เปิดเผยถึงแนวคิดในการยกระดับตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าด้วยนวัตกรรมที่มีความล้ำสมัย โดยเปิดตัว BYD Super e-Platform ซึ่งมีนวัตกรรมใหม่เกือบ 11 อย่างของโลก เช่น การชาร์จแบบ Flash Charging ด้วยกำลัง 1 เมกะวัตต์ มอเตอร์ที่มีรอบสูงถึง 30,000 รอบต่อนาที และโมดูลซิลิกอนคาร์ไบด์แรงดันไฟฟ้าสูง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวมีความก้าวหน้ามาก หลายคนจึงไม่เชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นของจริง เป็นแค่การกล่าวอ้างลอยๆ แต่ในที่สุด BYD ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหนึ่งในนั้นได้รับการพัฒนาและนำมาใช้งานได้จริงแล้ว

Li Yunfei ผู้จัดการทั่วไป และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของแบรนด์ กล่าวว่า เทคโนโลยีใหม่ของบีวายดีจะไม่มีผลกระทบสำคัญต่อวิธีการชาร์จอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จไฟแบบไหนก็ตา โดยการชาร์จแบบ Flash Charging 1 เมกะวัตต์ หรือการสลับแบตเตอรี่ กลยุทธ์ของผู้เล่นแต่ละรายย่อมแตกต่างกันไป แต่แนวทางทั่วไปนั้นเหมือนกัน นั่นคือทั้งหมดล้วนส่งเสริมยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV)


Zeekr และ Huawei ไม่รอช้า พร้อมลุยเช่นกัน

แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ได้มีแค่ BYD เท่านั้น ที่ประกาศตัวเองเป็นผู้นำในการทำงาน แต่ทาง Zeekr และ Huawei ก็ยืนยันว่า การเปิดตัวแท่นชาร์จแบบ Flash Charging ด้วยเช่นกัน แถมยังเกทับ BYD ด้วยแท่นชาร์จที่สามารถชาร์จได้ในระดับ 1.2 และ 1.5 เมกะวัตต์ ตามลำดับ

ทาง Zeekr ที่มี Geely เป็นเจ้าของเปิดเผยว่า Flash Charging ของตนเองสามารถจ่ายไฟได้มากถึง 1,200 กิโลวัตต์ (1.2 เมกะวัตต์) ซึ่งมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของอเมริกาหรือยุโรปในปัจจุบันหลายเท่า และได้นำเครื่องชาร์จไฟที่ทรงพลังที่สุดในโลกบางรุ่นมาใช้งานแล้ว โดยสามารถชาร์จ SUV 7X จากสถานะชาร์จ 10 ถึง 80% ในเวลาเพียง 10 นาที ซึ่งเร็วกว่า Kia EV6 (ซึ่งใช้เวลาชาร์จ 18 นาที) ถึงสองเท่าเลยทีเดียว


แน่นอนว่าหลังจากที่เปิดเผยข่าวนี้ออกมาได้ไม่นาน ทางด้าน Huawei ก็ออกมายืนยันถึงการเดินหน้าลุยตลาดนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับตัวเลขที่น่าทึ่ง คือ 1,500 กิโลวัตต์ หรือ 1.5 เมกะวัตต์ โดยเครื่องชาร์จนี้จะเปิดตัวในวันที่ 22 เมษายน และชาร์จแบตเตอรี่ EV สำหรับผู้โดยสารจากศูนย์จนเต็ม 100% ในเวลา 15 นาที

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกลุ่มเป้าหมายนั้น ทาง Huawei ยืนยันชัดเจนว่า พวกเขามุ่งเน้นไปที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก หรือยานพาหนะไฟฟ้าแบบอื่นๆ ที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และไม่สามารถเสียเวลามากนักเพื่อรอการชาร์จไฟฟ้าเพราะประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถในการทำกำไรในเชิงพาณิชย์ของยานพาหนะเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับการมีเวลาหยุดชาร์จให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ไม่ใช่แค่แท่น แบตเตอรี่และระบบต้องรองรับด้วย

อย่างไรก็ตาม การรองรับกับการชาร์จแบบนี้ หมายความว่า แบตเตอรี่จะต้องมีการพัฒนาเพื่อรองรับได้ด้วย โดย BYD เรียกแบตเตอรี่นี้ว่า Flash Charging Battery และระบุว่ามีอัตราการชาร์จในระดับ 10 C ซึ่งปัจจุบันถือเป็นอัตราสูงสุดสำหรับแบตเตอรี่พลังงานที่ผลิตจำนวนมากในโลก

C คืออัตราการชาร์จของแบตเตอรี่ และ 10 C ในทางทฤษฎีหมายความว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ในเวลาหนึ่งในสิบของชั่วโมง หรือ 6 นาที ซึ่ง BYD กล่าวว่าได้ออกแบบครีบของแบตเตอรี่ (Battery Blade) ใหม่เพื่อให้ส่งไอออนในอิเล็กโทรไลต์ได้เร็วขึ้น และมีความต้านทานผ่านตัวคั่นน้อยลง จึงทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้น


แบตเตอรี่รองรับแรงดันไฟฟ้าในการชาร์จสูงสุด 1,000 โวลต์ และกระแสไฟในการชาร์จสูงสุด 1,000 แอมป์ ซึ่งช่วยให้ชาร์จพลังงานได้ 1,000 กิโลวัตต์ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ถือเป็นอัตราสูงสุดในโลกตามที่ BYD ระบุออกมา

อย่างไรก็ตาม เครื่องชาร์จที่สามารถจ่ายพลังงานได้มากขนาดนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้าที่เป็นรถยนต์นั่งโดยสาร เพราะความซับซ้อนและเทคโนโบยีที่ทันสมัยมักนำเรื่องของต้นทุนในการผลิตที่แพงขึ้นตามมาด้วย ทั้งในส่วนของตัวรถยนต์เอง แบตเตอรี่ แท่นชาร์จ และอาจจะรวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับระบบเหล่านี้ ซึ่งจะต้องอาศัยสายเคเบิลระบายความร้อนด้วยของเหลวเพื่อไม่ให้ละลายจากความร้อนที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านจำนวนมาก

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังอยู่ในช่วงขั้นต้นของการพัฒนา และสิ่งเหล่านี้คือ การยืนยันให้เห็นว่า อนาคตของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในกำลังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งเดียวที่เป็นข้อจำกัดในเรื่องของการนำรถยนต์พลังไฟฟ้ามาใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างระยะเวลาในการชาร์จไฟ 1 ครั้งกำลังจะหมดไป

และถ้าทำได้ อาจจะไม่ต้องถึงขนาดชาร์จไฟจนเต็มด้วยการใช้เวลาเท่ากับการเติมน้ำมันเต็มถัง เท่านี้รถยนต์พลังไฟฟ้าจะน่าใช้ยิ่งขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น