xs
xsm
sm
md
lg

“Shark”ปลั๊กอินตัวแรงเขย่าตลาดปิ๊กอัพโลก BYD หวังชิงแชร์ฟอร์ด-โตโยต้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ยังไม่ได้ประกาศแผนส่ง Shark บุกอเมริกา แต่กระบะปลั๊กอินไฮบริดของบีวายดีรุ่นนี้เปิดตัวท้าทายเจ้าตลาดปิ๊กอัพอย่างจีเอ็ม, ฟอร์ด และโตโยต้าในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย บราซิล และเม็กซิโก ท่ามกลางความกังวลของผู้ผลิตรถทั่วโลกว่า ผู้เล่นจีนอาจส่งรถราคาถูกเข้าไปท่วมตลาด ตัดราคาผู้ผลิตท้องถิ่น และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

ในอเมริกา รถกระบะถือเป็นตลาดที่สร้างรายได้หลักให้เหล่าผู้ผลิตในดีทรอยต์ที่มียอดขายรวมกันปีละหลายล้านคัน นอกจากนั้นยังเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับโตโยต้าทั้งในอเมริกาและทั่วโลก

ผู้ผลิตรถอย่างฟอร์ดและโตโยต้าที่พึ่งพิงยอดขายรถกระบะอย่างมาก กำลังจับตา Shark ที่มีอาวุธลับที่ราคาเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ของบีวายดี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนระดับตำนานอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์


ต้นเดือนนี้ จิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอฟอร์ด ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเกี่ยวกับ Shark ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม ขายดี และกำลังพยายามทำตลาดในเม็กซิโก รวมถึงขึ้นสายการผลิตในไทย ก่อนสำทับว่า ถ้าอยากเป็นผู้เล่นระดับโลกในตลาดรถกระบะต่อไป ฟอร์ดจะต้องแข่งขันกับกระบะปลั๊กอินไฮบริดจากบีวายดีรุ่นนี้

ขณะเดียวกัน แม้ F-150 ของฟอร์ดเป็นผู้นำในอเมริกา แต่ Hilux ของโตโยต้าถือเป็นรถกระบะที่ขายดีที่สุดนอกอเมริกาเหนือมานานหลายปี โดยนับจากเปิดตัวเมื่อปี 1968 โตโยต้ามียอดขายรถกระบะรุ่นนี้รวม 19.8 ล้านคัน รวมถึงยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 851,000 คันในปี 2022

ทางด้านอากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการโตโยต้า พูดถึงการแข่งขันจากค่ายรถจีนว่า บริษัทจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือความต้องการของตลาดโลกโดยพยายามโฟกัสความต้องการของแต่ละตลาดและสร้างความโดดเด่น



รายงานระบุว่า บีวายดีส่งออก Shark กว่า 10,000 คันในปีที่ผ่านมา และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องขณะที่บริษัทเตรียมขยายการผลิต

ข้อมูลของ BofA Securities ชี้ว่า บีวายดีมีส่วนแบ่งยอดส่งออกรถยนต์ของจีนเพิ่มขึ้นจาก 2% หรือไม่ถึง 56,000 คันในปี 2022 เป็น 8% หรือ 350,500 คันในปี 2024

ขณะที่ข้อมูลของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การส่งออกช่วยให้ยอดขายของบีวายดีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 ล้านคันในปีที่ผ่านมา เทียบกับราว 3 ล้านคันในปี 2023 สำหรับปีนี้คาดว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านคัน

ทินา ฮู นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุในบันทึกการลงทุนเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ว่า บีวายดีกำลังเริ่มเจาะตลาดต่างประเทศด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในแง่นวัตกรรมและศักยภาพการแข่งขัน ซึ่งคาดว่า จะกลายเป็นปัจจัยที่ 2 ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทอีวีจีนแห่งนี้ และทำให้ยอดขายระหว่างปี 2022-2030 เพิ่มขึ้น 31%


นอกจากนั้น Shark ยังถูกคาดหมายว่า จะช่วยให้บีวายดีมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

Shark เป็นรถกระบะปลั๊ก-อินไฮบริดขนาดกลางที่ยังถือเป็นตลาดขนาดเล็กในอเมริกาเมื่อเทียบกับทั่วโลก โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.5 ลิตร วิ่งได้ระยะทางรวมมากกว่า 800 กิโลเมตร (น้ำมันเต็มถังและชาร์จไฟเต็ม)

ราคาเริ่มต้นของ Shark อยู่ที่ราว 44,000 ดอลลาร์ในเม็กซิโก แพงกว่ารถรุ่นอื่นๆ ของบีวายดีมาก แต่ยังถือว่า ถูกกว่ารถกระบะไฮบริดหรือกระบะไฟฟ้า 100% หลายรุ่นในอเมริกา และราคาพอๆ กับกระบะขนาดกลางอย่าง Ford Ranger และ Toyota Tacoma ในเม็กซิโก

เทอร์รี วอยชาวสกี ประธานแคร์ซอฟต์ โกลบัล บริษัทที่ปรึกษาและผู้ให้บริการเทียบเคียงด้านวิศวกรรม ที่เคยแยกชิ้นส่วนเพื่อทำการศึกษาวิเคราะห์รถยนต์ไฟฟ้าจีนมาแล้ว 40 รุ่น ซึ่งรวมถึงอีวีของบีวายดีและนีโอนั้น บอกว่า ลูกค้าให้ความสนใจเป็นพิเศษกับบริษัทรถจีนเนื่องจากการเติบโต ตลอดจนถึงความรวดเร็วในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการปรับปรุงรถรุ่นที่มีอยู่เดิม

สำหรับ Shark ซึ่งแคร์ซอฟต์ยังต้องแยกชิ้นส่วนเพื่อทำความเข้าใจกระบวนการผลิตและชิ้นส่วนต่างๆ อย่างชัดเจนขึ้นนั้น วอยชาวสกีบอกว่าเป็น รถกระบะที่เหลือเชื่อ มีหลายอย่างที่ดีมากและบางอย่างที่สามารถปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างง่ายดาย




กำลังโหลดความคิดเห็น