เป็นที่ทราบกันดีว่ารถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ Battery Electric Vehicle มีจำนวนชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์ไฮบริดแบบ HEV และดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาจุกจิกในการใช้งานในแง่ของความน่าเชื่อของตัวรถ หรือ Reliability เพราะด้วยความที่มีชิ้นส่วนน้อยลงอย่างมากนี่แหละ
แต่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นว่าทาง Consumer Reports ของสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งออกมา และระบุว่า สุดท้ายแล้วยานยนต์แห่งอนาคตที่พวกเราฝากความหวังเอาไว้ในการเดินหน้าสู่สังคมปลอดคาร์บอนนั้น ดันกลายเป็นรถยนต์ที่มีความจุกจิกและเต็มไปด้วยปัญหา ชนิดที่มากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์ไฮบริดแบบ HEV เสียอีก
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นในการใช้งานประจำปี หรือ Annual Reliability Survey ของ Consumer Reports พบว่ารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) รุ่นใหม่ๆ มีปัญหาน้อยลงในปัจจุบันเมื่อเทียบกับในอดีต แต่รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ยังคงมีปัญหามากกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฮบริดทั่วไปและรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
จากข้อมูลการสำรวจพิเศษของ Consumer Reports ในปี 2024 ที่ผ่านมา ระบุว่า รถยนต์พลังไฟฟ้ามีปัญหาโดยเฉลี่ยมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในถึง 42% เลยทีเดียว ซึ่งอาจจะฟังดูสูงมากจนน่ากังวล แต่ตัวเลขนี้แสดงถึงการปรับปรุงที่สำคัญเมื่อเทียบกับผลการสำรวจในปีก่อนหน้านั้น ซึ่งก็คือปี 2023 ซึ่งรถยนต์พลังไฟฟ้ามีปัญหามากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในถึง 79%
นอกจากนั้น ในกลุ่มของรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก หรือ PHEV ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน เพราะถ้าดูจากสถิติที่เกิดขึ้นในปี 2023 นั้นระบุว่า รถยนต์ในกลุ่มนี้พบปัญหาในระหว่างการใช้งานเฉลี่ยแล้วมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในถึง 146% แต่ในปี 2024 ตัวเลขลดลงมาอยู่ที่มากกว่า 70% ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงที่ดีขึ้น
การสำรวจความเชื่อมั่นในการใช้งานครั้งล่าสุดของ Consumer Reports อ้างอิงจากคำตอบของเจ้าของรถยนต์ประมาณ 300,000 คันตั้งแต่ปีรุ่น 2022 ถึง 2024 ครอบคลุมถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นรวมแล้ว 20 ข้อด้วยกัน ซึ่งก็รวมถึงเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง มอเตอร์ไฟฟ้า การรั่วไหล และระบบอินโฟเทนเมนต์ การสำรวจในปีนี้มีคำตอบจากเจ้าของรถยนต์พลังไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก มากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ในกลุ่มเหล่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์พลังไฟฟ้า
“การสำรวจความน่าเชื่อถือตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาบอกเราว่าผู้ผลิตรถยนต์ต้องใช้เวลาในการแก้ไขข้อผิดพลาดจากการออกแบบและเทคโนโลยีใหม่ๆ” Jake Fisher ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทดสอบรถยนต์ของ Consumer Reports กล่าว “ดูเหมือนว่าผู้ผลิตบางรายจะผ่านช่วงวิกฤตในเรื่องจำนวนปัญหาไปได้แล้ว ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นกำลังดิ้นรนกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์พลังไฟฟ้า รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฮบริด ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาต้องวนเวียนกลับสู่วังวนของการแก้ไขปัญหาอีกครั้งหนึ่ง”
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทาง Consumer Reports ระบุว่า รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนจะต้องใช้เวลาในการปรับปรุง และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนกว่าทุกอย่างจะนิ่งและปัญหาที่ทำให้คะแนนในเรื่องของความน่าเชื่อถือในการใช้งานลดลงได้หมดไป แต่สำหรับรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม สิ่งที่ผู้ผลิตจะต้องเจอคือ ปัญหาในระหว่างการใช้งาน และการขาดแคลนข้อมูลที่ชัดเจนในการแก้ไขจุดที่มีปัญหา และการเลือกซื้อรถยนต์ที่มีการพัฒนามาแล้วอย่างต่อเนื่อง คือ ทางเลือกที่ดีกว่าในแง่ของความน่าเชื่อถือในการใช้งานมากกว่ารถยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งคัน และสิ่งที่ Consumer Reports ย้ำชัด คือ ควรเลือกซื้อรถยนต์ที่ไม่ทำให้เสียเงินหรือเสียเวลาไปกับการเสียและต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง
28 ปีผ่านไป HEV มีความน่าเชื่อถือในการใช้งานเทียบเท่า ICE
รถยนต์ไฮบริดแบบ HEV เปิดตัวครั้งแรกในการทำตลาดเมื่อปี 1997 โดย Toyota Prius โดยรถยนต์ไฮบริดจะรวมเอาเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน แบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกันเพื่อให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก หรือ PHEV
รถยนต์ไฮบริดแบบ HEV ไม่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ และหลายรุ่นถือเป็นรถยนต์ที่ให้ความเชื่อมั่นในการใช้งานได้มากที่สุด โดยจากข้อมูลของ Consumer Reports แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ไฮบริดนั้นเชื่อถือได้ในระดับเดียวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ รถยนต์ไฮบริดยังมีความน่าเชื่อถือในการใช้งานได้มากกว่ารถยนต์ PHEV (รถยนต์ไฮบริดที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟและขับ EV Mode ได้ในระยะทางสั้นๆ) หรือรถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน
“ปัจจุบันมีรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้นกว่าที่เคย จากผู้ผลิตรถยนต์หลายราย นี่คือสิ่งที่เราคุ้นเคยกันมาร่วม 30 ปี ข้อมูลที่ได้จากการใช้งานจริงถูกนำมาใช้ในการพัฒนารถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ๆ แน่นอนว่า หลายรุ่นยังมีปัญหาในบางจุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงแต่อย่างใด” Steven Elek หัวหน้าโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลรถยนต์ของ Consumer Reports กล่าว
จากการสำรวจของ Consumer Reports แสดงให้เห็นอีกด้วยว่ารถยนต์ไฮบริดและ PHEV ของ Toyota และ Lexus รุ่นที่ผลิตมายาวนานบางรุ่นยังคงเป็นรถยนต์ที่น่าเชื่อถือในการใช้งานมากที่สุด รถยนต์ SUV รุ่น Toyota RAV4 Prime และ RAV4 Hybrid, รถเก๋ง Toyota Corolla Hybrid, แฮทช์แบ็ก Toyota Prius และ Lexus NX Hybrid ล้วนอยู่ในรายชื่อรถยนต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด 10 อันดับแรกของ Consumer Reports ร่วมกับรถเก๋ง Hyundai Elantra Hybrid
ตอนนี้อาจจะมีปัญหา แต่ทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตหน้าใหม่ที่ไม่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์มีจำนวนมาก และยังคงดิ้นรนที่จะไล่ตามผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในแง่ของการส่งผลผลิตใหม่ๆ ออกสู่ตลาด แต่ทุกอย่างยังใหม่ และยังต้องการประสบการณ์และการมองเห็นจุดบกพร่องที่อาจจะต้องเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน
“การผลิตรถยนต์เป็นงานที่ซับซ้อน และบริษัทใหม่อาจใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการทำความเข้าใจ” Jake Fisher ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทดสอบรถยนต์ที่ Consumer Reports กล่าว “แม้ว่า Tesla ยังคงประสบปัญหาคุณภาพอยู่บ้าง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่สามารถพัฒนาจนผลิตยานยนต์ที่น่าเชื่อถือมากขึ้นได้”
รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือที่สุดในการจัดอันดับของ Consumer Reports คือ BMW i4 ซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2022 รถยนต์พลังไฟฟ้าอื่นๆ อีกหลายรุ่นมีความน่าเชื่อถือในระดับปานกลาง รวมถึง Ford Mustang Mach-E, Genesis GV60, Hyundai Ioniq 6, Kia EV9 และ Niro Electric, Nissan Ariya และ Leaf และ Tesla Model 3 และ Model Y
ผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่ในตลาดมานานหลายค่ายยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์พลังไฟฟ้า เช่น Chevrolet Blazer EV และ Cadillac Lyriq ซึ่งใช้แพลตฟอร์มรถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั้งหมดจาก GM ซึ่งรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีปัญหาเมื่อเปิดตัวครั้งแรก รวมถึงปัญหาบางอย่างที่ Consumer Reports พบในรถยนต์ที่ทดสอบ และเจ้าของรถยนต์หลายรายยังบ่นเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นอกจากนั้น Volkswagen ID.4 และ Ford F-150 Lightning ก็ยังมีชื่ออยู่ในรถยนต์ใหม่ที่เชื่อถือได้น้อยที่สุดของ Consumer Reports อีกด้วย
นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าบางคันมีปัญหาอื่นนอกเหนือจากระบบส่งกำลังไฟฟ้า เจ้าของรถยนต์ยังมักรายงานปัญหาเกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถและอุปกรณ์เสริมไฟฟ้าอีกด้วย ตามที่ Elek กล่าว “รถยนต์ไฟฟ้ามักเป็นแหล่งทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ดังนั้นจึงมีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถมากขึ้นด้วย” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในเรื่องของค่าเฉลี่ยในด้านปัญหาที่ถูกรายงายจะยังค่อนข้างสูง แต่อย่างทั้ง BEV และ PHEV ก็มีพัฒนาการในการจัดการกับปัญหาในระหว่างการใช้งานจนมีค่าเฉลี่ยลดลงเรื่อยๆ และทาง Consumer Reports เองก็เชื่อว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า รถยนต์ทั้ง 2 ประเภทนี้น่าจะมีจำนวนของการสร้างปัญหาให้กับผู้เป็นเจ้าของลดลงจนมีระดับที่เท่ากับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์ไฮบริดแบบ HEV ได้อย่างแน่นอน