ความเงียบ ความเร็ว และฟีเจอร์ไฮเทคที่อัดแน่นมาเต็มคันสร้างความประทับใจลึกล้ำสำหรับเจ้าของอีวีที่กว่า 90% ยืนยันว่า ไม่คิดกลับไปใช้รถเครื่องยนต์สันดาปอีก ขณะที่รายงานอีกฉบับชี้ว่า ยอดขายรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า 100% และปลั๊ก-อินไฮบริดทั่วโลกประจำเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และทำนิวไฮเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ตอกย้ำว่า รายงานจากสื่อหลายสำนักที่ออกมาตลอดปีนี้ที่ว่า ความนิยมในอีวีถดถอยลงเป็นการแต่งแต้มเกินจริง
ผลศึกษาที่โกลบัล อีวี อัลไลแอนซ์ เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 92% จากผู้ใช้อีวีกว่า 23,000 คนใน 18 ประเทศ บอกว่า ถ้าจะซื้อรถคันต่อไปจะเลือกรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนเดิม มีแค่ 1% ที่จะกลับไปหารถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) และ 4% เลือกปลั๊ก-อินไฮบริด
ปีเตอร์ ฮอเกอแลนด์ ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมอีวีแห่งนอร์เวย์ ให้สัมภาษณ์ในรายงานฉบับนี้ว่า ผลสำรวจนี้ยืนยันว่า ผู้ขับอีวีพึงพอใจอย่างมากกับการเลือกของตัวเอง ขณะที่รายงานที่ระบุว่า ความนิยมในอีวีถดถอยลงนั้นดูจะเป็นการแต่งแต้มเกินจริง ซึ่งหมายถึงการที่ตลอดปีนี้สื่อหลายสำนักรายงานว่า ความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้าลดลง แม้ว่ายอดขายอีวีในประเทศส่วนใหญ่พุ่งขึ้นสวนทางก็ตาม
ล่าสุดคือรายงานของโร โมชันที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (13 ธ.ค.) ที่ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% และปลั๊ก-อินไฮบริดทั่วโลกประจำเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 32.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.83 ล้านคัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 7 และทำนิวไฮเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยที่จีนยังคงเป็นผู้นำในตารางด้วยยอดขายเกือบ 70% ของยอดขายทั่วโลก
ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้น 50% เป็น 1.27 ล้านคัน ขณะที่อเมริกาและแคนาดาเพิ่มขึ้น 16.8% อยู่ที่ 170,000 คัน และยุโรปลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 280,000 คัน
ขณะเดียวกัน รายงานการสำรวจที่โกลบัล อีวี อัลไลแอนซ์เผยแพร่ยังพบว่า คำตอบ 3 อันดับแรกสำหรับคำถามว่า เหตุใดจึงเลือกอีวีคือ ต้นทุนการใช้งานต่ำกว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า และทำงานเงียบกว่ารถใช้น้ำมัน นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ตอบ 72% บอกว่า ชาร์จอีวีที่บ้าน มีแค่ 13% ที่ใช้เครือข่ายชาร์จด่วนสาธารณะ และ 7% ใช้จุดชาร์จ AC สาธารณะ
สำหรับคำถามว่า คิดว่า อีวีมีข้อด้อยหรือไม่ ถ้ามีคืออะไร คำตอบที่มาแรงที่สุดคือ ไม่มี ตามด้วยพื้นที่ให้บริการของระบบชาร์จด่วน การชาร์จใช้เวลานาน และระบบชาร์จเสียเป็นประจำ
ผู้ขับอีวีในบราซิลเห็นด้วยอย่างยิ่งกับไอเดียที่ว่า การเดินทางไกลด้วยอีวีจำเป็นต้องมีการวางแผนมากกว่า ICE ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจในเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสวีเดน มีมุมมองเรื่องนี้ไม่ต่างกันมากนัก
สำหรับประเด็นความกังวลกับระยะทางขับขี่นั้น ผู้ขับในอินเดียและบราซิลได้รับผลกระทบมากที่สุด ตรงข้ามกับผู้ขับในเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ที่ไม่คิดว่า เรื่องนี้เป็นปัญหา แต่ที่น่าแปลกใจคือ ผู้ขับในนอร์เวย์มีความกังวลสูงกว่าค่าเฉลี่ย
การต่อคิวรอชาร์จเป็นปัญหาอย่างแท้จริงในบริเวณที่การขยายเครือข่ายสถานีชาร์จตามไม่ทันความนิยมในอีวีที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจแค่ 3% บอกว่า พบปัญหานี้บ่อย ขณะที่ 40% และ 28% ตอบว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาน้อยมากหรือไม่เป็นปัญหาเลย สำหรับปัญหาที่พบได้ทั่วไปมากกว่าคือ จุดชาร์จขัดข้องในบางครั้ง โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ 27% ตอบแบบนี้ และ 5% เผชิญสถานการณ์นี้บ่อยๆ
นอร์เวย์ยังคงเป็นผู้นำโลกในแง่การยอมรับอีวี รวมทั้งยังเป็นประเทศแรกที่อีวีกำลังจะมีจำนวนมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปบนถนน เดือนพฤศจิกายนอีวีครองส่วนแบ่ง 94% ของยอดขายรถใหม่ในชาติมั่งคั่งในยุโรปเหนือแห่งนี้ (เพิ่มขึ้นจาก 81% เมื่อปีที่แล้ว) และอีวีที่ขายดีที่สุดประจำปีนี้คือ เทสลา Model Y และ Model 3
ขณะเดียวกัน ปลั๊ก-อินไฮบริดได้รับความนิยมมากขึ้นในจีน เฉพาะเดือนสิงหาคมมีการจัดส่งรถยนต์พลังงานใหม่ 1 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 582,813 คัน และปลั๊ก-อินไฮบริด 444,270 คัน
นอกจากนั้นจีนยังเป็นประเทศที่มีผู้ผลิตอีวีมากที่สุดในโลก และผู้ผลิตเหล่านี้กำลังพยายามสร้างตำนานความสำเร็จด้านยอดขายในยุโรปและอเมริกา แม้มาตรการภาษีศุลกากรระลอกใหม่ส่งผลกระทบต่อแผนการนี้ในระดับหนึ่งก็ตาม
รายงานอีกฉบับที่นำเสนอโดยค็อกซ์ ออโตโมทีฟ ระบุว่า ยอดขายอีวีในอเมริกาเดินหน้าเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 5% ในไตรมาส 3 และคิดเป็นสัดส่วน 8.9% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมด เทียบกับ 7.8% ในไตรมาสก่อนหน้า