“ไฮคูล” เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ หวังตีตลาดฟิล์มกรองแสงจากจีน ภายใต้ “คุณภาพ – บริการ” มาตรฐานไฮคูล ตั้งเป้าการเติบโตปี 2568 ประมาณ 5% ภายใต้ตลาดรถยนต์ใหม่ที่เติบโต ยังคงกลยุทธ์สำคัญใช้ “อินฟูลเอนเซอร์” แนะนำสินค้า พร้อมเน้นการจัดจำหน่ายที่หลายหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า
น.ส.ชลิฏา วณิชชากรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮคูล ฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดฟิล์มกรองแสงปี 2567 มีมูลค่า 2,400 ล้านบาท โดยไฮคูลครองมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 30% หรือ 650 ล้านบาทซึ่งเทียบเท่ากับปี 2566
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้หนักหน่วงมาก ยอดจำหน่ายรถยนต์เดือน ม.ค. - ต.ค. ยอดขายตกลงไป 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน พอคนออกรถน้อยลง คนก็ติดฟิล์มกรองแสงน้อยลง โดยเฉพาะรถเชิงพาณิชย์หรือรถกระบะยอดตกไปมาก จากปัจจัยเศรษฐกิจ หนี้เสีย รถโดนยึดและไฟแนลไม่ปล่อยสินเชื่อ
ส่วนการเติบโตของไฮคูลในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มจากปีที่ผ่านประมาณ 5% เนื่องจากตลาดรถยนต์ใหม่เติบโตช้า อย่างไรก็ดี แม้รถใหม่จะมีฟิล์มติดแถมมา แต่ฟิล์มแถมคุณภาพไม่ได้สูงใช้ไม่นานฟิล์มก็หมดอายุการใช้งานจึงต้องเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงใหม่ นอกจากนี้ ลูกค้าบางคนต้องการฟิล์มคุณภาพมากกว่าที่แถมให้ก็จะติดฟิล์มใหม่ทันทีที่ออกรถ
“กลุ่มลูกค้าของไฮคูลจะเป็นกลุ่มระดับไฮเอนด์ที่มีความต้องการฟิล์มกรองแสงคุณภาพและไม่ปิดกั้นสัญญาณมือถือและสัญญาณต่างๆ โดยฟิล์มตัวเด่นของไฮคูล บียอน เซรามิก ถือเป็นฟิล์มระดับไฮเอนด์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการกรองแสง กันความร้อนได้ดี สีสวย สัญญาณสามารถทะลุทะลวงผ่านรถได้อย่างดี”
อย่างไรก็ดี ปัจจัยในการเลือกซื้อฟิล์มกรองแสงของคนไทยยังคงติดในเรื่องแบรนด์ประมาณ 70 – 80% ส่วนอีก 20 - 30% ไม่ได้สนใจแบรนด์ ดังนั้น การทำตลาดของไฮคูลจะมุ่งเน้นการให้ความรู้กับลูกค้าเพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของไฮคูลและแบรนด์อื่น พร้อมมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น ลูกค้ากลุ่มแข่งรถ รถแต่ง รถกระบะ จะชอบฟิล์มใส ฟิล์มสีฟ้า ฟิล์มสีเขียว สินค้าของไฮคูลก็ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้เช่นกัน
สำหรับยอดขายตลอด 10 วันในงาน MOTOR EXPO 2024 มียอดจองติดฟิล์ม 350 คัน เมื่อเทียบกับปี 2566 ถือว่าโตขึ้น 10% โดยไฮคูลจะส่งลูกค้ากลุ่มนี้ให้กับตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้เขาให้บริการต่อไป
ด้านนายปฏิพล วณิชชากรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการทำตลาด คือ การแตกไลน์สินค้าฟิล์มกรองแสงใหม่ที่เน้นสร้างความแตกต่างภายใต้มาตรฐานของไฮคูล เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่และรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2568 ในทุกมิติ
“นวัตกรรมใหม่ๆ ของไฮคูลยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องในปีหน้าและจะมีการนำฟิล์มคุณภาพดีในราคาพิเศษเข้ามาทำตลาดเป็นแบรนด์ใหม่ โดยควบคุมคุณภาพและบริการในมาตรฐานเดียวกับไฮคูลเพื่อขยายตลาดกลุ่มผู้ใช้งานให้เพิ่มขึ้น”
สำหรับการบุกเข้ามาทำตลาดฟิล์มกรองแสงราคาถูกจากจีน ส่งผลกระทบต่อตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ของไทย โดยเฉพาะ After Market เนื่องจากผู้ขายมีสินค้าในมือหลายแบรนด์จึงมักเชียร์แบรนด์ที่ได้ค่าคอมมิชชั่นมากกว่า ฟิล์มกรองแสงราคาถูกของจีนเป็นที่นิยม ตลาดนี้เป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่สูง สำหรับตลาดนี้ไฮคูลมีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 30% แม้ฟิล์มกรองแสงจากจีนจะเข้ามาทำตลาดในไทยจำนวนมากแต่หลายแบรนด์ก็ออกจากตลาดนี้ไปแล้ว
ด้านกลยุทธ์การตลาดในปี 2568 จะเน้นช่องทางการตลาดและการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งช่องทางอีคอมเมิร์ช ตัวแทนจำหน่าย การออกบูธ เป็นต้น นอกจากนี้ จะปรับปรุงรูปแบบการสื่อสาร แคมเปญกระตุ้นการขาย สิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับในแพลตฟอร์มต่างๆ ให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมความสนใจผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับการสื่อสารการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่
น.ส.ชลิฏา กล่าวเสริมว่า “เราจะเน้นการทำตลาดโดยใช้อินฟูลเอนเซอร์ อย่าง ดีเจเพชรจ้า ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ลูกค้าจดจำในตัวสินค้าได้เพราะดีเจเพชรจ้า”
สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ นายปฏิพล กล่าวว่า ไฮคูลทำตลาดต่างประเทศผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งตอนนี้มีตัวแทนจำหน่ายที่พม่า ลาว กัมพูชาและจะเปิดตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ที่เวียดนาม อย่างไรก็ดี ตลาดต่างประเทศรอบๆ ประเทศไทยยังมีมูลค่าตลาดไม่ใหญ่มาก
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาไฮคูลได้จับมือกับแบรนด์ดังระดับโลก อย่าง แบรนด์ Avery Dennison ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มติดกันรอยรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิตสติ๊กเกอร์และกาว ซึ่งฟิล์มติดกันรอย Avery Dennison มีคุณสมบัติ Self Healing คือ หากเกิดรอยขีดข่วนสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ นอกจากนี้ Avery Dennison ยังมีฟิล์มสำหรับเปลี่ยนสีรถเพื่อให้ทุกการติดฟิล์มเป็นเรื่องสนุก ที่สำคัญการติดตั้งทำได้ง่าย เนื่องจากคุณภาพของกาวดีทำให้ไม่มีปัญหาภายหลัง เมื่อติดแล้วต้องดูเงางาม ฉ่ำวาว สวยโดนใจ นับเป็นสิ่งอีกตัวที่สร้างความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด
ตลอดระยะเวลา 40 ปีไฮคูลไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับตัวสินค้า แบรนด์ และกลุ่มลูกค้า แต่ยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง น.ส.ชลิฏา กล่าวถึงโครงการ CSR ในปี 2568 ว่า จะมีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยดวงตาของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์และโครงการผ่าตัดหัวใจพิการในเด็กของมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี