การรุกระลอกใหม่ของแบรนด์รถยนต์จีนที่มีต่อตลาดในภูมิภาคยุโรป ไม่ใช่ BEV อย่างที่ตั้งใจในตอนแรกแล้ว เนื่องจากพวกเขาเจอเข้ากับกำแพงอันสูงใหญ่ของการเก็บภาษีศุลกากรและภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงลิ่วของกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปเข้าอย่างจัง ดังนั้น งานนี้ แบรนด์รถยนต์จีนส่วนใหญ่จึงพลิกแผน เตรียมส่งรถยนต์ไฮบริดในรูปแบบต่างๆ ทั้ง HEV และ PHEV เข้าสู่ตลาดกลุ่มนี้แทน เพราะกำแพงภาษีที่ว่าไม่ได้ครอบคลุมถึงรถยนต์ประเภทนี้
ในปีนี้คาดว่ายอดการส่งออกรถยนต์ของแบรนด์จีนไปยังภูมิภาคยุโรปจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 20% แม้ว่าจะโดนเล่นงานในเรื่องของพิกัดภาษีนำเข้าก็ตาม และเพื่อแก้ปัญหานี้ มีการยืนยันจากนักวิเคราะห์ที่สอดคล้องกับแหล่งข่าวภายในของแบรนด์รถยนต์จีนหลายแห่งว่า พวกเขาอาจจะพลิกแผนด้วยการหันไปส่งออกรถยนต์ไฮบริดแทน ซึ่งตอนนี้ตลาดยุโรปกำลังมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างน่าพอใจ อีกทั้งยอดขายรถยนต์ที่ชะลอตัวในจีนจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์บางรายเปลี่ยนกลยุทธ์ในยุโรปเพื่อเน้นการส่งออกรถยนต์ไฮบริดมากขึ้น
นอกจากนั้น ผู้ผลิตบางรายยังย้ายการผลิตและประกอบไปยังยุโรปเพื่อลดต้นทุนด้านภาษีศุลกากร “การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการที่ผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิมของจีนหันไปใช้ PHEV เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรใหม่ของสหภาพยุโรปสำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน” Murtuza Ali นักวิเคราะห์จาก Counterpoint Research กล่าว
เมื่อช่วงกลางปี 2024 สหภาพยุโรปกำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนสูงถึง 45.3% มีผลบังคับใช้เมื่อปลายเดือนตุลาคม เพื่อตอบโต้การอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมของรัฐบาลจีน โดยข้อมูลระบุว่าการสอบสวนการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ส่งมาขายในยุโรปเริ่มขึ้นเดือนตุลาคม 2023
รถยนต์ไฮบริดซึ่งการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อมองว่าเป็นทางสายกลางที่ราคาไม่แพงระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงผู้ใช้งานยังไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถยนต์ที่คุ้นเคย
เมื่อนับจากเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมที่ผ่านมาหรือช่วงไตรสมาสที่ 3 ของปีนี้ การส่งออกรถยนต์ไฮบริดไปยังยุโรปเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าเป็น 65,800 คันจากช่วงเวลาเดียวกันของปี หรือคิดเป็น 18% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของจีนที่ถูกไปยังยุโรปในช่วงไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของจีนก็ลดลงเหลือ 58% จาก 62% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันด้วย
แน่นอนว่านอกเหนือจากเหตุผลในเรื่องของการเปิดตลาดใหม่แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งของการพยายามมองหาตลาดใหม่ๆ นอกจีน ก็เพราะเป็นการเร่งระบายผลผลิตส่วนเกินที่มีมากเกินไปภายในประเทศ โดยจีน ซึ่งสามารถแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อปีที่แล้วด้วยอิทธิพลจากความนิยมในตลาดที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า กำลังเร่งส่งออกเพื่อแก้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศ
เมื่อพิจารณาจากการถูกกีดกันด้วยการตั้งภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนถึง 100% โดยสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ดังนั้น ยุโรปจึงเป็นหนึ่งในช่องทางที่ชัดเจนที่สุดสำหรับผู้ผลิตรถยนต์จีน โดยเฉพาะกับรถยนต์ไฮบริดในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการมาตรการการตั้งกำแพงภาษีของกลุ่มสหภาพยุโรป
ในอดีตตลาดรถยนต์ไฮบริดของยุโรป โดยเฉพาะในกลุ่ม PHEV หรือแบบเสียบปลั๊กถูกยึดครองโดยแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งทางจีนมองเห็นช่องทางในการเข้าไปแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มนี้ หลังจากที่ลูกค้าในยุโรปมีความต้องการรถยนต์ที่มีความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่า HEV แต่ยังไม่อยากที่จะใช้งานรถยนต์พลังไฟฟ้า ซึ่ง PHEV สามารถตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับรถยนต์ PHEV คือ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน แต่จะมีแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์แบบไฮบริดปกติ และยังสามารถชาร์จได้ด้วย โดยเมื่อมีการชาร์จจนเต็ม ตัวรถบางรุ่นสามารถแล่นทำระยะทางได้ราวๆ 50-120 กิโลเมตรใน EV Mode ก่อนที่จะตัดให้เครื่องยนต์สันดาปภายในเข้ามารับหน้าที่แทน รถยนต์ PHEV จึงถูกมองว่าเป็นตัวเชื่อมที่ดีก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV แบบเต็มตัว
ช่วง 10 เดือนแรกของตลาดยุโรป มีอัตราส่วนของยอดจดทะเบียนรถยนต์พลังไฟฟ้าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วราวๆ 3% มาอยู่ที่ 14.8% ของยอดรถยนต์จดทะเบียนทั้งหมดของกลุ่ม EU ขณะที่รถยนต์ไฮบริดแบบต่างๆ มีสัดส่วนสูงถึง 38.2% (HEV 31% และ PHEV 7.2%) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันถึง 12%
แบรนด์จีนเตรียมรุกตลาดอย่างหนัก
ไม่ได้แค่นำเข้าเท่านั้น แต่แหล่งข่าวภายในของจีนยังเปิดเผยว่า บางแบรนด์วางแผนในการสร้างโรงงานการผลิตรถยนต์ไฮบริดและไฟฟ้าแล้ว โดยมองไปที่ประเทศฮังการี Yale Zhang กรรมการผู้จัดการของ Automotive Foresight กล่าวว่า "กลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจมีศักยภาพในการเติบโตที่มากขึ้นช่วง 2-3 ปีนี้ นั้นเป็นเพราะแบรนด์จีนได้นำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ในราคาที่ถูกกว่าในตลาดยุโรป ซึ่งจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่คำนึงถึงราคาเป็นหลัก"
เพื่อให้การเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในยุโรปครอบคลุมทุกแบบ แบรนด์จีนหลายแห่งเริ่มเปิดเกมรุกตลาดรถยนต์ไฮบริด โดย BYD พยายามที่จะแซงหน้า Volkswagen และ Toyota ในตลาดกลุ่มนี้กับการเปิดตัว Seal U DM-i ซึ่งเป็นรถยนต์แบบ PHEV รุ่นแรกที่ส่งเข้ามาขายในยุโรป โดยรถยนต์รุ่นนี้มีราคาตั้งแต่ 35,900 ยูโร ถูกกว่ารุ่น PHEV ที่ขายดีที่สุดของ VW อย่าง Tiguan ถึง 700 ยูโร และถูกกว่ารุ่น C-HR PHEV ของ Toyota ถึง 10%
ขณะที่ทางด้าน SAIC ซึ่งแม้ว่าจะมีอัตราส่วนการนำเข้ารถยนต์ไปทำตลาดในยุโรปเพิ่มขึ้นถึง 35% ในปีนี้ แต่พวกเขาก็มองเห็นช่องทางเช่นเดียวกับที่ BYD เห็น และวางแผนในการนำรถยนต์ไฮบริดแบบต่างๆ เข้ามาเปิดตัวในภูมิภาคนี้ เช่นเดียวกับ Geely ก็เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Lynk & Co สำหรับยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว “การเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดในตลาดทั่วโลกโดยผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและแนวโน้มการซื้อ” ผู้บริหารของ Geely กล่าว
ญี่ปุ่นก็ต้องโต้กลับถ้าไม่อยากเสียพื้นที่
แน่นอนว่าในฐานะที่ครองตลาดรถยนต์ไฮบริดด้วยทางเลือกที่หลากหลายนั้น แบรนด์ญี่ปุ่นเองก็ไม่อยากเสียพื้นที่ของตัวเองในตลาดแห่งนี้ แน่นอนว่าหลายแบรนด์เริ่มเตรียมแผนและปรับตัวเพื่อรับมือกับการรุกครั้งใหม่ของแบรนด์รถยนต์จีน โดยเฉพาะ Honda ซึ่งเพิ่งมียอดขายในตลาดรถยนต์จีนลดลงถึง 29% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ก็จะแบ่งกำลังการผลิตส่วนหนึ่งส่งออกมายังกลุ่ม EU โดยมีการยืนยันแล้วว่า Honda จะเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดใหม่ 2 รุ่นที่ประกอบจากโรงงานจีนใน EU ช่วงต้นปีหน้า
ขณะที่ Toyota ก็วางแผนใช้รถยนต์ไฮบริดประเภทต่างๆ เป็นตัวสร้างยอดขายในยุโรป หลังจากที่ตลาดรถยนต์ประเภทนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะช่วยให้แบรนด์สามารถตรึงพื้นที่ของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่เสียส่วนแบ่งให้กับแบรนด์รถยนต์จีน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเดียวที่ทุกคนกังวลคือ แพทเทิร์นในการทำตลาดและทำลายคู่แข่งของจีนที่อาจจะมีความคล้ายกับที่พวกเขาทำในตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า “ลองคิดดูสิ หาก BYD นำ Qin Plus เข้าสู่ยุโรปในราคา 20,000 ยูโร ผมแน่ใจว่ามันจะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งอย่างแน่นอน”
และเมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยเฉพาะเรื่องสงครามราคาที่จะทำให้ตลาดเจ้าบ้านย่อยยับ เราอาจจะได้เห็นกำแพงในด้านภาษีอีกแห่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสกัดกั้นรถยนต์ไฮบริดที่ผลิตจากจีนและนำเข้าสู่ตลาดยุโรปอย่างแน่นอน