จากกระแสช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สื่อด้านยานยนต์จีน Car News China และสำนักข่าว DoNews รายงานตรงกันว่า “เนต้า” ได้สั่งหยุดการผลิตในโรงงานที่เจ้อเจียง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตหลักของแบรนด์ โดยมีปริมาณการผลิตที่วางแผนไว้ปีละ 200,000 คัน โดยผลิตรถยนต์ครอสโอเวอร์ Neta L เป็นหลัก
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า เนต้าได้ลดเงินเดือนพนักงาน โดยในเดือนตุลาคม พนักงานของเนต้าบางคนอ้างว่า บริษัทไม่จ่ายเงินเดือนของเดือนก่อนหน้าตรงเวลาเนื่องจากเป็นหนี้ซัพพลายเออร์ ในเวลาเดียวกัน เงินเดือนของพนักงานระดับสูงของเนต้าก็ลดลงถึง 30%
ด้านบริษัทแม่อย่าง Hozon Auto เองก็ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นทุกปีในจีน โดยปี 2021 ขาดทุน 4.84 พันล้านหยวน (ราว 2.3 หมื่นล้านบาท), ปี 2022 ขาดทุน 6.67 พันล้านหยวน (3.17 หมื่นล้านบาท) และปี 2023 ขาดทุน 6.87 พันล้านหยวน (3.27 หมื่นล้านบาท) ส่วนเงินสำรองอยู่ที่ 2.83 พันล้านหยวน (1.34 หมื่นล้านบาท)
จากข่าวด้านลบต่างๆ ที่ออกมา หลายคนจับตามองว่าอนาคตของเนต้าจะเป็นอย่างไรทั้งในตลาดจีนและตลาดไทย ซึ่งเรื่องนี้ นายชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่บริษัทเปิดตัวในไทย จนถึงปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่า 22,000 ราย เรามั่นใจว่า การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินให้ดีขึ้นของบริษัทแม่ จะช่วยเสริมให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างแข็งแกร่ง
ที่สำคัญเราได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด นั่นคือ หนานหนิง อินดัสเทรียล อินเวสต์เมนต์ กรุ๊ป จำกัด (Nanning Industrial Investment Group) ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของโดยตรง ภายใต้การดูแลของรัฐบาลท้องถิ่นหนานหนิง โดยให้การสนับสนุนพิเศษกับเนต้าสำหรับซัพพลายเชนในการทำตลาดนอกประเทศจีน
นอกจากนี้ เรากำลังทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศฮ่องกง ด้วยการสนับสนุนพิเศษจากผู้ถือหุ้นของเรา ในฐานะที่บริษัทเนต้าเป็นเจ้าของโดยรัฐบาลท้องถิ่นในประเทศจีน”
ปัจจุบัน เนต้าส่งออกรถไปมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 460,000 รายทั่วโลก
สำหรับแผนการดำเนินงานในประเทศไทย เรายังคงสานต่อกลยุทธ์ "All in Thailand, All for Thailand" ในการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่มีคุณภาพดี และติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง และวิจัยพัฒนา เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ๆ ของเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต
ล่าสุดได้แนะนำเทคโนโลยี EREV ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมสุดล้ำของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผสานประสิทธิภาพของพลังงานไฟฟ้า และความยืดหยุ่นของเครื่องยนต์สันดาปภายในมีมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และเครื่องยนต์สันดาปภายในใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ โดยรถยนต์เทคโนโลยี EREV ทำให้สามารถ ขับขี่ในโหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบในระยะทางที่ยาวขึ้นได้ถึง 1,200 กิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งถัง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก”
พร้อมเผยโฉม “เนต้า S Shooting Brake” รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Wagon ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยี Super EREV ลงในรถรุ่นนี้ มาพร้อมดีไซน์สุดล้ำในสไตล์ Wagon ที่ผสมผสานความโฉบเฉี่ยว และสปอร์ตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งนี้เนต้าตั้งเป้าหมายแนะนำเทคโนโลยีนี้ในรถยนต์เนต้ารุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวให้แก่ลูกค้าชาวไทย ปี 2568” ส่วนโรงงานที่บางชัน จะขึ้นไลน์ผลิตเนต้า X อีกหนึ่งรุ่น (ต่อจาก NETA V) ชู กังจื้อ กล่าว
“ เนต้า มั่นใจในศักยภาพการเติบโต และการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาลไทย โดยเนต้าตั้งเป้าจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ 1 รุ่น ทุกปี ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป และก้าวสู่การเป็น TOP 5 แบรนด์รถยนต์ในประเทศไทย ภายในปี 2573”