xs
xsm
sm
md
lg

อีซูซุ รับจีนน่ากลัว แต่มั่นใจคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริการหลังการขาย เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE มัดใจลูกค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจผู้บริหาร อีซูซุ ยอมรับจีนน่ากลัว แต่มั่นใจคุณภาพรถ ประหยัด การบริการหลังขาย ที่สำคัญเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก มัดใจผู้บริโภคคนไทย คาดยอดขายรถสิ้นปีไม่ถึง600,000 คัน ยอดรวมปิกอัพทั้งหมด ไม่น่าเกิน 200,000 คัน ยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของอีซูซุคาดว่าจะไม่ถึง 80,000 คัน

งานเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE ทางผู้บริหารตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ อนาคตอีซูซุ คู่แข่ง โดยมี ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ,ปนัดดา เจณณวาสิน ประธานที่ปรึกษา ,เอ็ม โคโนะ รองกรรมการผู้จัดการ  และ วิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ ร่วมให้ข้อมูลอย่างละเอียด

ทาคาชิ ฮาตะ
-ภาพรวมตลาดรถยนต์เมืองไทย และแยกเฉพาะตลาดปิกอัพเป็นอย่างไร และอีซูซุคาดการณ์ยอดขายถึงสิ้นปี 2567 ไว้อย่างไร

ใน 10 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถยนต์เมืองไทยมียอดจำหน่ายรวม 478,341 คัน ลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีทีแล้ว เหลืออีกเพียง 2 เดือนจะสิ้นปี 2567 คาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทของประเทศไทยในปีนี้จะไม่ถึง 600,000 คัน

ตลาดรถปิกอัพใน 10 เดือนแรก โดยมียอดจำหน่าย 137,456 คัน หดตัวลงถึง 39.5% อีก 2 เดือนจะสิ้นปี 2567 คาดว่ายอดรวมปิกอัพทั้งหมด ไม่น่าเกิน 200,000 คัน

อีซูซุจำหน่ายรถได้รวมทุกประเภท ใน 10 เดือนแรกของปีนี้ จำนวน 71,361 คัน โดย แบ่งเป็น

- รถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ จำนวน 51,813 คัน
- รถมิว-เอ็กซ์ The Next Peak ที่ได้รับความนิยมอย่างดีมาก ใน 4 เดือนท้าย ทำให้ มียอดจำหน่าย 10 เดือนแรก จำนวน 10,203 คัน
- รถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 9,345 คัน

ซึ่งสำหรับอีซูซุมองว่า ยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของอีซูซุคาดว่าจะไม่ถึง 80,000 คัน


-มาตรการรัฐที่ออกมาเพื่อกระตุ้นตลาดจะมีผลกับยอดขายในปีนี้หรือไม่ อย่างไร

อีซูซุ รู้สึกยินดีที่รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของรถปิกอัพ เนื่องจากปีนี้ตลาดรถปิกอัพหดตัวอย่างรุนแรง อย่างที่ทราบดีว่าปิกอัพเป็น product champion ของไทย การผลิตรถปิกอัพใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยสูงมาก การที่ตลาดปิกอัพ หดตัวเร็วเช่นนี้ทำให้กระทบต่ออุตสาหกรรมไทยเป็นอย่างมาก อีซูซุคาดว่ารัฐบาลจะไม่ได้ออกมาตรการเพียงแค่นี้หากแต่กำลังพิจารณาเร่งออกมาตรการณ์อื่น ๆ มาช่วยเหลือตลาดรถปิกอัพเพิ่มขึ้น

-หากปีหน้าตลาดปิกอัพยังตกลง อีซูซุมีแผนรองรับอย่างไร

อีซูซุมั่นใจว่าสิ่งที่ครองใจลูกค้าคนไทยได้ คือ คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก บริการหลังการขายที่ดีมากเช่นกัน เราเน้นเรื่องการบริการหลังการขายมาตลอด อีซูซุมั่นใจว่าเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE จะทำตลาดได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตลาดรถปิกอัพจะไม่กระเตื้องขึ้นก็ตาม


-สัดส่วนยอดขาย 1.9 และ 3.0 เป็นอย่างไร

อัตราส่วนยอดขายปัจจุบัน คือเครื่องยนต์ 1.9 ขายได้ 70% และ เครื่องยนต์ 3.0 ขายได้ 30%


-อีซูซุตั้งเป้าสัดส่วนการขายในอนาคตไว้อย่างไร

ทั้งนี้เนื่องจากรุ่น 1.9 L และ 2.2 L เป็นเครื่องยนต์ที่มี CC ต่ำกว่า 2,400 ทั้งคู่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ขายได้มากในตลาด ต่อให้อีซูซุขายรุ่นเครื่องยนต์ 2.2 Ddi ได้มากขึ้น ก็ยังคง อยู่ในสัดส่วน 70% : 30% เช่นเดิม ไม่น่าเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญอื่น

-ใช้เวลาในการพัฒนาเครื่อง 2.2 Ddi กี่ปี และมีโจทย์เพื่อแก้ปัญหาสิ่งใด และใช้เวลาพัฒนานานกี่ปี

อีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นและตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ต้องการพัฒนาเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ให้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใช้เวลาทดสอบตามมาตรฐาน อีซูซุ เป็นระยะทางเทียบเท่า 2,200,000 กิโลเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการใช้รถระยะทางไกลมาก ๆ และยังคงความแข็งแกร่ง บำรุงรักษาง่ายตามแบบ มาตรฐานของอีซูซุ และเรายังต้องการให้เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้มีสมรรรถนะสูงสุด ทั้งด้าน แรงม้า แรงบิด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทยที่ต้องการ เครื่อง 2,200 ที่มีกำลังแรง แต่ยังคงการประหยัดน้ำมันที่มากอีกด้วย อีซูซุใช้เวลาพัฒนา หลายปี หากจะให้ระบุเป็นจำนวนปีคงยาก เพราะเป็นการเจรจาร่วมกันระหว่างตรีเพชร อีซูซุเซลส์ และ อีซูซุมอเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นร่วมกันนานหลายปี


-นอกจากประเทศไทย ประเทศใดจะได้ใช้รุ่นใหม่นี้ต่อไป

ขณะนี้อีซูซุเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่นี้ในประเทศไทย เป็นครั้งแรกในโลก และจะยังคงดูความต้องการของผู้ใช้รถชาวไทยไปก่อน ส่วนการทำตลาดต่างประเทศนั้นเป็นหน้าที่ของ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่น (ประเทศไทย) (IMIT) ซึ่งจะพิจารณาหาความ เหมาะสมเลือกจำหน่ายที่ประเทศใด ก่อน-หลัง ซึ่ง บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ไม่มี ส่วนตัดสินใจในเรื่องนี้

-เพราะเหตุใดอีซูซุจึงเลือก Up size เครื่องยนต์แทนการเพิ่มเทอร์โบ หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ อื่น ๆ เพื่อมาช่วยเรื่องการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์

อีซูซุเราศึกษาความต้องการของลูกค้าคนไทยเป็นหลัก เครื่องยนต์ 1.9 Ddi ให้ความประหยัดเป็นหลัก และมีการปล่อยมลพิษน้อย แต่ผู้ใช้รถก็ต้องการรถที่ทั้งแรง เร็ว และ ประหยัดด้วย เราจึงศึกษาเครื่องยนต์เหล่านี้อย่างถี่ถ้วน จึงได้เลือกเพิ่ม Line up มากขึ้น ซึ่ง เครื่องยนต์ 2.2 Ddi จึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับลูกค้าประเภทหลังที่กล่าว ที่ไม่ได้ต้องการ ความคุ้มค่าเงินอย่างเดียว แต่ยังต้องการความประหยัด และความแรงด้วย ทั้งหมดนั้นคือ ผลของการวิจัยของทีมเราเอง


-เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในถนนในเมืองไทยเท่านั้นหรือไม่

ใช่ อีซูซุพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้เพื่อผู้ใช้รถชาวไทยโดยเฉพาะ ตามที่ได้ตอบก่อนหน้านี้ว่าเรื่องการส่งออกจะพิจารณาอีกครั้งโดย บริษัท อีซูซุมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่น (ประเทศไทย) (IMIT)

-ถ้าในอนาคต Feedback 2.2 Ddi MAXFORCE ดีมากกว่าเครื่องยนต์ 1.9 Ddi มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะแทนตลาดกันในที่สุด

อีซูซุมองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ที่เรานำเสนอ 2.2 Ddi MAXFORCE ก็คิดว่า น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เรามั่นใจมากว่าจะเป็นที่ต้องการของลูกค้า หากใน อนาคตลูกค้ามีความต้องการเครื่องยนต์ 2.2 Ddi จนไม่สนใจเครื่อง 1.9 Ddi อีซูซุก็ สามารถ ปรับสัดส่วนการผลิตได้ เพราะโรงงานอีซูซุเราปรับสัดส่วนการผลิต ตามออเดอร์ของผู้จำหน่าย อยู่แล้ว

-เกียร์ 8 Speed ของ MAXFORCE จะถูกนำไปใส่ในเครื่องยนต์พิกัดอื่นหรือไม่

ตอนนี้เกียร์ 8 speed แบบ REV Tronic จะมีเฉพาะ ในรุ่น 2.2 Ddi MAXFORCE ซึ่งสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี หากลูกค้าต้องการให้พัฒนาเพิ่มใน 3.0 Ddi เราก็จะ พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าในอนาคตเป็นหลัก


-อีซูซุมีการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดขายเครื่องยนต์ MAXFORCE ใหม่นี้อย่างไร และสำหรับรุ่นพลังงานทางเลือกอื่น ในอนาคตด้วย

มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ ทั้ง 300 กว่าแห่งทั่วประเทศ ให้สามารถ พร้อมบริการลูกค้าได้ ก่อนที่เราจะแนะนำเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ออกสู่ตลาด แล้ว เช่นเดียวกัน หากอีซูซุมีการเปิดตัวรถพลังงานทางเลือกอื่น ๆ อีซูซุก็จะเตรียมบริการ หลังการขายให้พร้อม ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกนั้น ๆ ด้วย

-เพราะเหตุใดถึงทำเครื่องยนต์ 2.2 Ddi เหมือนสมัยเดิม ทั้งที่อีซูซุข้ามมาทำเครื่องยนต์ 1.9 Ddi ไปแล้ว

ขณะนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง ความต้องการลูกค้าก็เปลี่ยนไป เครื่องยนต์ 2.2 รุ่นใหม่นี้ ไม่เหมือนกับเครื่องยนต์ 2.2 รุ่นเดิม เป็นคนละตระกูลกันเลย อีซูซุได้ทำการ วิเคราะห์ วิจัย ความต้องการ ของลูกค้า ซึ่งเราคิดว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด จึงเลือกพัฒนา เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE นี้ในที่สุด

-เกียร์ 8 Speed ผลิตจากที่ไหน เพราะเมื่อก่อนอีซูซุใช้จากเยอรมัน

เกียร์ A/T 8 speed REV Tronic ของอีซูซุผลิตในประเทศไทย อีซูซุไม่เคยใช้เกียร์จากประเทศในยุโรปในรถปิกอัพเลย ส่วนเกียร์ที่เคยใช้จากประเทศเยอรมัน อีซูซุใช้ในรถบรรทุก ขนาดใหญ่เป็นหลักเท่านั้น


-ตัวเลข Eco Sticker ของเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ที่ว่าประหยัดขึ้น 10% คือเท่าไหร่

ตัวเลข Eco Sticker นี้มาจากการเทียบระหว่างรถปิกอัพ Hi-lander 4Drs M/T Extra- Urban รุ่น 1.9 Ddi อยู่ที่ 6.2 ลิตร : 100 กิโลเมตร ของใหม่อยู่ที่ 5.6 ลิตร : 100 กิโลเมตร ซึ่ง เท่ากับที่ดีขึ้น 10%

-เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ มีการเตรียมสำหรับใช้กับพลังงานทางเลือกใหม่ หรือไม่ อย่างไร

ขณะนี้สำหรับพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะ HVO คือ น้ำมันไบโอดีเซล generation ใหม่ ที่มี ส่วนผสมของน้ำมันพืชด้วย เรากำลังทดสอบกับเครื่องยนต์ 1.9 Ddi ว่าจะมี feedbackอย่างไรบ้าง แล้วจึงวางแผนพัฒนาต่อไป

-นอกจากไบโอดีเซล ชุดเกียร์ หรือระบบต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ 2.2 Ddi นี้ สามารถพัฒนาสู่การเป็น MHEV 48V ได้หรือไม่

สำหรับ MHEV ที่จำหน่ายในตอนนี้ เป็นการพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เราอยาก ดู feedback ลูกค้าที่ใช้ 1.9 Ddi MHEV ไปก่อน และขณะนี้เรามีแผนแนะนำเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE แล้ว จึงยังไม่มีแผนพัฒนาเครื่องยนต์ในรุ่นต่อไป


-ตั้งเป้ายอดขาย เครื่องยนต์ 2.2 Ddi อย่างไร และหากจองรถรุ่นใหม่ตอนนี้ จะได้รับรถ เมื่อไหร่

อีซูซุไม่เคยตั้งเป้ายอดขายเป็นตัวเลขว่ากี่คัน เราต้องการทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ลูกค้าคือผู้ตัดสินว่าเราจะขายรถได้กี่คัน ซึ่งคือสิ่งที่อีซูซุยึดเป็นหลักมาโดยตลอด ไม่เคยตั้ง เป้าเป็นตัวเลข สำหรับรถใหม่ขณะนี้มีรถอยู่พอสมควร แต่เนื่องจากอีซูซุมั่นใจว่าเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAX FORCE ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้า อยากให้ท่านสื่อมวลชนเชิญ ชวนทุกท่านมาจองรถอีซูซุ จะได้รับรถกลับไปโดยเร็ว

-เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ของอีซูซุ สามารถสู้กับเครื่องยนต์ 2.4 ของโตโยต้าและมิตซูบิชิ ในแง่ของ Motor Sport ได้หรือไม่

อย่างที่ทุกท่านทราบ เครื่องยนต์อีซูซุพัฒนาขึ้นจากความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ปัจจุบันแม้ยังไม่มีเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ลูกค้าก็ใช้เครื่องยนต์อีซูซุ ในหลากหลายรูปแบบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอีซูซุมั่นใจว่า เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE เป็น เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง เหมาะสมที่สุดกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ใน กรณีที่ลูกค้าต้องการนำไปทำ Motor Sport คิดว่าน่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุด สำหรับเรื่องคู่แข่งนั้น อีซูซุไม่ขอตอบ เราขอให้ลูกค้าเป็นผู้พิสูจน์ให้ทุกท่านเห็นเอง


-อีซูซุวางแผนทำการตลาดเครื่อง 1.9 Ddi ปกติ และ Hybrid อย่างไร

ตอนนี้อีซูซุมีเครื่องยนต์ ให้เลือก 3 ขนาด คือ 1.9 Ddi และ 1.9 Mild Hybrid (เฉพาะเมืองไทย) 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ทั้งนี้เป็นเพราะว่าลูกค้า มีความต้องการที่หลากหลาย และในตลาดรถยนต์เมืองไทยรถที่มีเครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า 2,400 CC. มีสัดส่วน ประมาณ 70-80% ของตลาดทั้งหมด เราต้องการเพิ่ม Line up ตลาด ใน ส่วนนี้ จึงมีเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ขึ้นมาเป็นทางเลือกที่มากขึ้น ส่วนการขายเครื่องยนต์ 1.9 Ddi ก็ยังคงดำเนินต่อไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยเราจะปรับสัดส่วนการ ผลิตตามความต้องการของลูกค้า

- มีแผนการทำการตลาดเครื่องยนต์ 1.9 Ddi ไกลแค่ไหน จะปรับเพิ่มขึ้นอีก หรือจะหยุดการ ผลิตในอนาคต

ปัจจุบันเรามีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 รุ่น เพื่อให้ผู้ใช้รถได้เลือกใช้ ทุกอย่างวิเคราะห์ตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลักและปรึกษาตัวแทนผู้จำหน่ายถึงการวางแผนการผลิตร่วมกัน อยู่แล้ว หากลูกค้ายังต้องการรุ่นไหนอยู่เราก็พร้อมผลิตในรุ่นนั้นอยู่แล้ว


-การมีเครื่องยนต์ 3 บล็อก ไม่ค่อยเกิดขึ้นในไทย จะสร้างความสับสนให้แก่ผู้บริโภคหรือไม่ ตรีเพชรมั่นใจมากน้อยแค่ไหนกับการทำการตลาด

อีซูซุมองว่าไม่ได้ทำให้ลูกค้าเกิดความสับสน แต่เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้ามากกว่า เนื่องจากเรามีลูกค้าทั้ง 3 กลุ่ม ดังนี้

- เครื่องยนต์ 1.9 L : กลุ่มลูกค้าที่เน้นความคุ้มค่าเงินสูงสุด
- เครื่องยนต์ 2.2 L : กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าเงิน แต่อยากได้รถที่แรงเพิ่มมากขึ้น
- เครื่องยนต์ 3.0 L : กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความแรง อาจให้ความสำคัญของความคุ้มค่าเงิน น้อยลงมา

ซึ่งลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า รถรุ่นไหนเป็นที่ต้องการของเขา ซึ่งหลังจากวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป อีซูซุก็จะเปิดให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนทดลองขับรถรุ่นใหม่ได้ที่ ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ แล้วลูกค้าสามารถคุยกับที่ปรึกษาการขายถึงการใช้งาน ความ ต้องการที่แตกต่าง พนักงานก็จะแนะนำรถที่เหมาะสมให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจ ราคาอาจ เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจ แต่สุดท้ายแล้วลูกค้าจะมองที่ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้เป็นหลัก

-เหตุใดเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE จึงมีการปรับ Turbo น้อย

ปกติเครื่องยนต์ 3.0 Ddi ได้รับการตอบรับเรื่องพละกำลังสูงดีอยู่แล้ว การปรับครั้งนี้จึงหวังเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการประหยัดน้ำมันกับมาตรฐานด้านมลพิษที่ดีขึ้น


-นิยามในการเปลี่ยนจาก Blue Power เป็น MAXFORCE คืออะไร

เครื่องยนต์ 2.2 Ddi เป็นเครื่องยนต์แนะนำใหม่ และ เครื่องยนต์ 3.0 Ddi เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น เราจึงตั้งชื่อ Series ใหม่นี้ว่า “MAXFORCE"

-ความคิดเห็นต่อภาวะการแข่งขันกับรถกระบะจีน

แน่นอนว่าการแข่งขันกับรถจีนน่ากลัว ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่อีซูซุมั่นใจใน ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ การทำวิจัยการใช้รถของคนไทย เราเชื่อว่าด้วยคุณภาพ ของรถอีซูซุจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี และเรายังสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปได้อีก นอกจากนี้อีซูซุยังมีเครือข่ายโชว์รูม ศูนย์บริการและเครือข่ายอะไหล่ มากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ จุดเด่นเรื่องบริการหลังการ ขายที่อีซูซุโดดเด่นมาโดยตลาด และนอกจากนี้อีซูซุตั้งใจที่จะปรับปรุง เสริมสร้าง ประสิทธิภาพเครือข่ายการขายและการบริการให้ดีมากยิ่งขึ้นเพื่อมัดใจลูกค้า


กำลังโหลดความคิดเห็น